ปัจจุบันผลิตภัณฑ์เพื่อความสวยความงามมีหลากหลายประเภท จนบางครั้งไม่สามารถแยกออกได้ว่าผลิตภัณฑ์ที่ซื้อมาใช้ ไม่ว่าจะเป็น ผลิตภัณฑ์สกินแคร์ หรือ ครีมบำรุงผิว นั้นเป็นเวชสำอางหรือเครื่องสำอางกันแน่!! วันนี้เราก็เลยอยากมาอธิบายให้ทุกคนเข้าใจกันสักทีว่า เวชสําอาง คืออะไร เวชสําอาง มีอะไรบ้าง รวมถึงเวชสําอาง กับ เครื่องสําอาง ต่างกันอย่างไร คราวนี้ก็คงได้รู้แล้วว่าผลิตภัณฑ์ที่ใช้อยู่นั้นเป็นเวชสำอางหรือเครื่องสำอางกันแน่! ไปร่วมหาคำตอบพร้อมกันเลย
เวชสำอาง คืออะไร
เวชสำอาง (Cosmeceuticals) คือ ผลิตภัณฑ์ที่ได้ผสมผสานกันระหว่าง “เครื่องสำอาง” และ “ผลิตภัณฑ์ยา” มารวมกัน โดยเวชสำอางจะมีคุณสมบัติเดียวกับเครื่องสำอาง และยังมีสรรพคุณเหมือนกับยา ช่วยรักษาอาการผิดปกติที่เกิดขึ้นกับผิวต่าง ๆ เช่น ริ้วรอย สิว ฝ้ากระ และจุดด่างดำ ซึ่งเวชสำอางจะมีฤทธิ์ในการรักษา จึงช่วยจัดการปัญหาผิวได้อย่างตรงจุด ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงแก่ผิวพรรณอย่างเห็นได้ชัด ทั้งนี้ เวชภัณฑ์ก็ไม่ใช่ยาจึงเป็นเพียงแค่ผลิตภัณฑ์ที่มีจุดประสงค์เกี่ยวกับความสวยงาม
เครื่องสำอาง คืออะไร
เครื่องสำอาง (Cosmetics) คือ ผลิตภัณฑ์การดูแลผิว ที่มีคุณสมบัติในการทำความสะอาดผิว ไม่ว่าจะเป็น การขัด นวด ทา ถู พอก และอีกหลากหลายรูปแบบ เพื่อให้ผิวพรรณสวยงาม โดยเครื่องสำอางมีคุณสมบัติสามารถช่วยปกปิดปัญหาผิวบนในหน้าได้ ไม่ว่าจะเป็น สิว ฝ้ากระ และจุดด่างดำ แต่เครื่องสำอางไม่สามารถช่วยรักษา บำบัด บรรเทา หรือมีฤทธิ์ในการรักษา และทำให้เกิดการเปลี่ยนบนผิวหนังได้
เวชสําอาง กับ เครื่องสําอาง ต่างกันอย่างไร
จากคำถามที่ว่า “เวชสำอาง” และ “เครื่องสำอาง” มีความแตกต่างกันอย่างไร เราจึงได้สรุปเพื่อสามารถเข้าใจง่าย ๆ ดังนี้
- เวชสำอาง
ผลิตภัณฑ์ที่เน้นเรื่องการรักษาปัญหาเฉพาะจุด โดยไม่เน้นเพื่อความสวยความงาม ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์ที่เน้นผลลัพธ์ในการดูแลผิวอย่างล้ำลึก มีสารออกฤทธิ์ในระดับความเข้มข้น และสารเหล่านี้ก็ได้ผ่านการพิสูจน์จากสถาบันการวิจัยแล้วว่ามีผลดีต่อผิวหนังจริง ๆ โดยสารออกฤทธิ์ผสมมาให้ก็จะสามารถซึมเข้าสู่ผิวหนังชั้นลึกของผิวได้ จึงทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงแก่ผิวอย่างชัดเจนและให้ผลลัพธ์ระยะยาว
- เครื่องสำอาง
ผลิตภัณฑ์ที่เน้นเพื่อความสวยความงามเท่านั้น ด้วยกลไกการทำงานที่เน้นเป็นการบำรุงเห็นผลได้ค่อนข้างช้ากว่าเวชสำอาง เนื่องจากเครื่องสำอางไม่มีสารออกฤทธิ์ที่เป็นประโยชน์ต่อสุขภาพผิว และไม่สามารถซึมผ่านผิวหนังชั้นนอกเพื่อเข้าถึงผิวหนังที่ลึกลงไปได้ จึงไม่สามารถเปลี่ยนแปลงแก่ผิวได้ ทั้งนี้ การใช้เครื่องสำอางจะเห็นผลลัพธ์เพียงชั่วคราวเท่านั้น
ประเภทของเวชสำอาง
เมื่อรู้กันแล้วว่าเวชสำอางคือ การผสมผสานระหว่างเครื่องสำอางและผลิตภัณฑ์ยา แต่ก็ไม่ใช่ยาสักทีเดียว และยังมีความคล้ายคลึงกับสกินแคร์ดูแลผิวทั่วไป เพียงแต่ว่าเวชสำอางจะเน้นแก้ปัญหาเฉพาะจุดได้ดีกว่าสกินแคร์ โดยเวชสำอางสามารถแบ่งออกเป็น 3 ประเภท ดังนี้
1. เวชสำอางเพื่อทำความสะอาดผิว
ผลิตภัณฑ์เวชสำอางทำความสะอาดผิว เน้นการทำความสะอาดผิวได้อย่างล้ำลึก มีตั้งแต่ Cleansing ประเภทต่าง ๆ ทั้งแบบ Cleansing Water, Cleansing Oil, Micellar Water และ Cleansing Milk ซึ่งใช้เพื่อในการลบเครื่องสำอางหรือสิ่งสกปรกบนใบหน้า นอกจากนี้ยังมี Cleanser ผลิตภัณฑ์ล้างทำความสะอาดผิวหน้าที่มีให้ทั้งแบบโฟมหรือเจล และยังผลิตสูตรต่าง ๆ เพื่อตอบโจทย์ทุกปัญหาสภาพผิว เช่น โฟมล้างหน้าสำหรับคนที่ผิวมัน ผิวผสม ผิวแห้ง หรือผิวบอบบาง เป็นต้น
2. เวชสำอางเพื่อปรับสภาพผิว
เมื่อทำความสะอาดผิวหน้าแล้ว สิ่งต่อมาคือการปรับสภาพผิว โดยเวชสำอางเพื่อปรับสภาพผิว เช่น โทนเนอร์ (Toner) ใช้เพื่อปรับสภาพผิวหน้าก่อนลงครีมบำรุง ซึ่งจะช่วยให้ผิวหน้ามีความสมดุลพร้อมรับสารอาหารต่าง ๆ และยังใช้ตรวจสอบความสะอาดของผิวในขั้นตอนสุดท้ายได้อีกว่าผิวหน้าสะอาดดีหรือยัง โดยโทนเนอร์ก็จะแบ่งออกเป็นประเภทต่าง ๆ เพื่อตอบโจทย์ทุกปัญหาสภาพผิว นอกจากนี้เวชสำอางเพื่อปรับสภาพผิว ยังมีอีกตัวนั่นก็คือ เอสเซ้นส์ (Essence) หรือเรียกว่า “น้ำตบ” มีคุณสมบัติช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นให้กับผิว และยังช่วยผลัดเซลล์ผิวได้ด้วย
3. เวชสำอางเพื่อการบำรุงผิว
ผลิตภัณฑ์เวชสำอางเพื่อการบำรุงผิว เช่น เซรั่ม (Serum), มอยส์เจอร์ไรเซอร์ (Moisturizer) และครีมกันแดด ซึ่งผลิตภัณฑ์เหล่านี้จะมาในสูตรที่เข้มข้นมากกว่าครีมบำรุงผิวทั่วไป หรือถ้าเป็นครีมกันแดด จะมีส่วนผสมของยาที่ช่วยปกป้องแดดได้จริง ๆ รวมถึงผลิตภัณฑ์สำหรับรักษาสิว ก็จะจัดอยู่ในกลุ่มเพื่อการบำรุงผิวด้วยเช่นกัน ซึ่งตัวครีมแต้มสิว จะมีตัวยาที่ช่วยให้สิวยุบ ลดการอักเสบ ทำให้เห็นผลลัพธ์ได้รวดเร็ว
ผลิตภัณฑ์เวชสำอางมีอะไรบ้าง
โดยผลิตภัณฑ์เวชสำอางที่ผลิตวางจำหน่ายทั่วไปนั้น ได้แบ่งเป็น 2 ประเภทหลัก ๆ ได้แก่ ผลิตภัณฑ์เวชสำอางประเภทเครื่องสำอาง และผลิตภัณฑ์เวชสำอางประเภทยา มีรายละเอียดดังนี้
ผลิตภัณฑ์เวชสำอางประเภทเครื่องสำอาง
- ผลิตภัณฑ์ระงับกลิ่นกาย (Antiperspirant)
- ผลิตภัณฑ์ประเภทยาสีฟันที่ผสมฟลูออไรด์ ป้องกันฟันผุ
- ผลิตภัณฑ์ประเภทยาสระผม หรือผลิตภัณฑ์ที่ช่วยขจัดรังแคได้
- ผลิตภัณฑ์ที่สามารถป้องกันอันตรายจากแสงแดด เช่น ครีมกันแดด
ผลิตภัณฑ์เวชสำอางประเภทยา
- ผลิตภัณฑ์เสริมทรวงอก
- ผลิตภัณฑ์ช่วยรักษาอาการผิวหนังอักเสบ แก้อาการคัน ผื่นแพ้
- ผลิตภัณฑ์แก้ปัญหาฝ้า มีส่วนผสมของ Azelaic Acid, Hydroquinone
- ผลิตภัณฑ์แก้ปัญหาสิว มีส่วนผสมของ Antibiotics, Benzoyl Peroxide , Retinoic Acid
- ผลิตภัณฑ์ปรับเปลี่ยนสีผิว ผลิตภัณฑ์ในช่องปาก หรือผลิตภัณฑ์ยาแก้ปวดฟัน เช่น ระงับเชื้อ แก้ปวดฟัน รำมะนาด เลือดออกตามไรฟัน ที่มีส่วนผสมของ Antibacterial Agent
- ผลิตภัณฑ์ปลูกผม ยับยั้งผมร่วง หรือสร้างเส้นผมใหม่ ซึ่งจะมีส่วนผสมของสาร Minoxidil
- ผลิตภัณฑ์ที่ใช้สำหรับฉีดหรือกินเข้าสู่ร่างกาย (Injectable form) เช่น Botox cosmetic
ข้อดีของเวชสำอาง
- ช่วยแก้ปัญหาได้อย่างตรงจุด
- หากใช้สม่ำเสมอจะสามารถเปลี่ยนแปลงในระดับเซลล์ผิวในระยะยาวได้
- ผลิตภัณฑ์เวชสำอางสกัดมาจากธรรมชาติ ไม่ก่อให้เกิดอาการแพ้และการระคายเคืองต่อผิว
- รักษาดูแลฟื้นฟูผิวได้อย่างมีประสิทธิภาพ และปกป้องจากมลภาวะต่าง ๆ เน้นการบำรุงผิว
- ผลิตภัณฑ์เวชสำอางจะได้รับการพัฒนาทางวิทยาศาสตร์ จึงทำให้เห็นผลลัพธ์ที่ดีและรวดเร็ว
ข้อเสียของเวชสำอาง
- ราคาสูงกว่าผลิตภัณฑ์ทั่วไป
- อาจเกิดการระคายเคืองต่อผิว เนื่องจากมีสารออกฤทธิ์ต่าง ๆ ในปริมาณสูง
ใช้เวชสำอางแล้วมีอาการแพ้ได้น้อยกว่าเครื่องสำอางจริงไหม?
หลายคนมักจะเข้าใจผิดมาตลอดกันว่า ถ้าใช้ผลิตภัณฑ์เวชสำอางแล้วอาการแพ้ได้น้อยกว่าเครื่องสำอาง จริง ๆ แล้วเป็นสิ่งที่เข้าใจผิดกันมาตลอด เนื่องจากอาการแพ้ที่เกิดขึ้นนั้นจะอยู่กับสภาพผิวแต่ละบุคคล ไม่ว่าจะเป็นผลิตภัณฑ์เวชสำอาง หรือ เครื่องสำอาง ก็มีโอกาสแพ้ได้เหมือนกัน ถึงแม้ว่าจะผลิตภัณฑ์ที่ผ่านผลการทดสอบในกลุ่มคนที่มีผิวแพ้ง่ายมาแล้วก็ตาม ดังนั้น จึงไม่สามารถบอกได้ว่าถ้าซื้อผลิตภัณฑ์เวชสำอางมาใช้แล้วจะไม่มีอาการแพ้
การเลือกใช้เวชสำอางให้เหมาะสมกับสภาพผิวตัวเอง
ปัจจุบันมีผลิตภัณฑ์เวชสำอางหลากหลายแบรนด์ แนะนำให้เลือกเวชสำอางที่เหมาะกับจุดประสงค์ว่าต้องการจะใช้เพื่ออะไร เช่น บำรุงผิว แก้ปัญหาผิว รักษาสิว เป็นต้น ดังนั้น ใครสนใจเวชสำอางตัวไหน ก็ควรต้องศึกษาหาข้อมูลเสียก่อนว่ามีส่วนผสมอะไรบ้าง แนะนำควรเลือกที่ใช้สารสกัดจากธรรมชาติมากขึ้น ได้มาตรฐาน หรือได้รับการรับรองจากหน่วยงานที่มีความน่าเชื่อถือ และได้รับการรับรองคุณภาพมาตรฐานจาก อย. เพื่อความปลอดภัยในการใช้นั่นเอง
หลังจากอ่านบทความนี้แล้ว ทุกคนก็คงแยกออกกันแล้วใช่ไหมว่าระหว่าง เวชสําอาง กับ เครื่องสําอาง ต่างกันอย่างไร คราวนี้เวลาไปเลือกซื้อผลิตภัณฑ์ครีมบำรุงผิวได้ตรงกับจุดประสงค์ที่ต้องการ และสามารถแก้ไขปัญหาผิวได้อย่างถูกต้อง แต่มีสิ่งหนึ่งที่ต้องเข้าใจก่อนว่าถ้าอยากเห็นผลลัพธ์ควรต้องใช้อย่างสม่ำเสมอ และจะต้องใช้ครีมกันแดดทุกวัน เพื่อป้องกันการเกิดริ้วรอยก่อนวัยและรอยดำต่าง ๆ ส่วนใครที่กำลังวางแผนสร้างผลิตภัณฑ์แบรนด์ของตัวเอง สามารถได้ที่ อาร์ แอนด์ ดี อินเตอร์ แมนูแฟคเจอริ่ง ให้บริการตั้งแต่เริ่มวางแผน ออกแบบ ทำการวิจัยและพัฒนาสินค้า จนถึงขั้นผลิตสินค้าออกวางจำหน่าย พร้อมโปรโมตและขายสินค้าให้อีกด้วย
สามารถทดลองประสิทธิภาพของผลิตภัณฑ์ได้แล้ววันนี้ ที่โรงงานผลิตเครื่องสำอาง R&D Inter
โทร 034-440-258