OEM คืออะไร? ODM คืออะไร? OBM คืออะไร? สิ่งเหล่านี้คือสิ่งที่คนทำธุรกิจผลิตสินค้า สร้างแบรนด์เป็นของตัวเองควรต้องรู้! เชื่อว่าหลายคนที่เพิ่งเริ่มทำธุรกิจ ก็อาจจะเคยได้ยินคำว่า OEM, ODM และ OBM กันมาบ้าง เพียงแค่ไม่รู้ความหมายแต่ละคำศัพท์ว่าคืออะไร แล้วมีความแตกต่างกันอย่างไร ซึ่งก่อนอื่นต้องบอกว่าคำศัพท์เหล่านี้ล้วนเป็นคำศัพท์ใช้ในการเรียกโรงงานผลิตสินค้าที่เปิดให้บริการแต่ละประเภทนั่นเอง ดังนั้น จึงจำเป็นที่จะต้องเลือกโรงงานให้เหมาะกับสินค้าหรือธุรกิจของเรา วันนี้เราก็เลยอาสาพาคุณมาทำความรู้จัก OEM ODM OBM คืออะไร แล้ว OEM ข้อดี ข้อเสียอย่างไรบ้าง เพื่อให้คุณเลือกโรงงานผลิตได้อย่างเหมาะสมกับธุรกิจของคุณ ไม่รอช้า…ติดตามอ่านไปพร้อมกันได้เลย
OEM คืออะไร และ OEM ย่อมาจากอะไร
OEM ย่อมาจาก Original Equipment Manufacturing ซึ่ง OEM คือ การรับจ้างผลิตสินค้าให้กับบริษัท โดยที่ไม่มีตราหรือแบรนด์สินค้า เพื่อให้บริษัทนำสินค้าไปขายในแบรนด์ของตัวเอง โดยโรงงานประเภทนี้รับจ้างผลิตสินค้าให้กับแบรนด์ต่าง ๆ ตามที่ผู้สั่งกำหนด แล้วนำไปติดแบรนด์ของผู้สั่ง หรือไม่ติดแบรนด์เลยก็ได้ ขึ้นอยู่กับความต้องการของผู้สั่งผลิตสินค้า
โดยกระบวนการผลิตโรงงานประเภท OEM นี้ ก็เริ่มตั้งแต่การคิด วิจัยสูตร วางแผน ออกแบบ ใช้เครื่องจักรในการผลิต ซึ่งจะช่วยให้เจ้าของแบรนด์ประหยัดต้นทุน ประหยัดค่าใช้จ่ายในการวางแผนจัดการโรงงานผลิต โดยไม่ต้องแบกรับความเสี่ยงในการลงทุนผลิต และยังได้รับผลตอบแทนที่คุ้มค่าอีกด้วย ซึ่งถือเป็นอีกหนึ่งทางเลือกของการเริ่มต้นที่จะทำธุรกิจ
ทั้งนี้ โรงงานรับผลิตแบบ OEM โดยส่วนใหญ่แล้วจะเป็นโรงงานเปิดใหม่ หรือโรงงานที่ไม่เน้นสร้างแบรนด์ของตัวเองมากนัก แต่เป็นการเน้นผลิตสินค้าให้กับแบรนด์อื่น ๆ ที่ต้องการผลิตสินค้าจำนวนน้อย หรือธุรกิจที่ยังไม่มีโรงงานผลิตเป็นของตัวเอง
สรุป ข้อดี ข้อเสีย ของโรงงานประเภท OEM
เพื่อให้มองภาพอย่างชัดเจน เราจึงสรุป OEM ข้อดี ข้อเสีย มาให้ว่ามีอะไรบ้าง เพื่อประกอบการตัดสินใจธุรกิจของเราเหมาะกับโรงงาน OEM ในไทยหรือไม่ ดังนี้
ข้อดีของโรงงาน
- OEM ต้นทุนในการผลิตสินค้าต่ำ
- จึงช่วยลดต้นทุนในการผลิตสินค้า
- ไม่ต้องลงทุนวิจัยและพัฒนาออกแบบผลิตภัณฑ์
- สามารถเพิ่มไลน์การผลิตสินค้าได้ตามที่ต้องการ
- ไม่ต้องแบกรับภาระค่าใช้จ่ายและความเสี่ยงในการดูแลกระบวนการผลิต
- มีผู้เชี่ยวชาญและที่ปรึกษาทางการผลิตคอยดูแลและให้คำปรึกษาตลอดการผลิตสินค้า
- สามารถย้ายฐานการผลิตไปยังโรงงานอื่น หรือย้ายไปผลิตที่ประเทศที่มีต้นทุนต่ำได้ตลอด
- เจ้าของแบรนด์ไม่ต้องมีโรงงานเป็นของตัวเอง ทำให้ง่ายต่อการเปลี่ยนลักษณะหรือกลยุทธ์ทางธุรกิจ
ข้อเสียของโรงงาน OEM
- มีต้นทุนในการผลิตค่อนข้างสูงกว่าการ เมื่อเทียบกับมีโรงงานผลิตเป็นของตัวเอง
- กรณีใช้สูตรกลางในการผลิตสินค้า อาจจะทำให้ได้สินค้าที่มีคุณภาพไม่แตกต่างจากแบรนด์อื่น
- ถ้าสินค้าไม่มีความแตกต่างหรือโดดเด่นมากพอ อาจทำให้สร้างยอดขายได้ไม่มาก เพราะใครก็สามารถทำสินค้าเป็นของตัวเองได้
ตัวอย่างสินค้า OEM มีอะไรบ้าง
ถ้าใครที่ยังนึกไม่ออกว่าสินค้า OEM คืออะไร แล้วแบรนด์ OEM มีอะไรบ้าง วันนี้เราจึงยกตัวอย่างธุรกิจ OEM มาให้ดูกัน ดังนี้
- โรงงานผลิตเครื่องสำอาง ซึ่งสินค้า OEM คือ เวชสำอาง ครีม เซรั่ม สกินแคร์ โลชั่น เป็นต้น
- โรงงานผลิตอาหารเสริม เช่น คอลลาเจน อาหารเสริมผงชมดื่ม อาหารเสริมลดน้ำหนัก เป็นต้น
- โรงงานรับผลิตอาหาร เช่น น้ำพริก พริกกรอบ ผักกรอบ ฟองเต้าหู้กรอบ ขนมต่าง ๆ เป็นต้น
ODM คืออะไร และ ODM ย่อมาจากอะไร
ODM ย่อมาจาก Original Design Manufactuere ซึ่ง ODM คือ การรับจ้างออกแบบและผลิตสินค้าให้บริษัท เพื่อนำไปขายในแบรนด์ของตัวเอง ซึ่งลักษณะโรงงานประเภท ODM ก็จะมีความคล้ายคลึงกับโรงงานประเภท OEM เลย เพียงแต่ว่า ODM สามารถพัฒนารูปแบบของผลิตภัณฑ์ที่ได้ทำการผลิต และนำเสนอให้กับลูกค้าที่มีแบรนด์อยู่แล้ว หรือช่วยกันออกแบบ ปรึกษาหารือกัน เพื่อให้ผลิตภัณฑ์ออกมาดีที่สุด โดยลูกค้ามีหน้าที่ในการวางจำหน่ายและกระจายสินค้าเข้าสู่ตลาดเอง จึงทำให้การผลิตในรูปแบบ ODM นั้นมีผลิตภัณฑ์ที่ออกมาพิเศษกว่าแบบ OEM แน่นอนว่าราคาค่าใช้จ่ายในการผลิตสูงขึ้นตามไปด้วย เหมาะสำหรับคนที่ต้องการสร้างแบรนด์ใหม่ ๆ
สรุป ข้อดี ข้อเสีย ของโรงงานประเภท ODM
คราวนี้ลองมาดูว่าโรงงานประเภท ODM ข้อดี ข้อเสีย อะไรบ้าง แล้วเหมาะกับธุรกิจของเราหรือไม่ มาดูกัน
ข้อดีของโรงงาน ODM
- เหมาะกับผู้เริ่มต้นทำแบรนด์ใหม่
- ไม่ต้องคิดค้น พัฒนา หรือออกแบบสินค้าเอง
- เจ้าของแบรนด์ไม่จำเป็นจะต้องมีโรงงานเป็นของตัวเอง
- ไม่ต้องแบกรับภาระหรือความเสี่ยงต่าง ๆ ในกระบวนการผลิตสินค้า
- สินค้าหรือผลิตภัณฑ์มีความแตกต่างกับสินค้าในตลาด จึงสร้างจุดเด่นได้ง่าย
- กรณีเลือกการออกแบบที่เป็น Exclusive คุณก็จะได้แบรนด์สินค้าที่ไม่ซ้ำใคร
- ช่วยลดต้นทุนในการผลิต สามารถย้ายฐานการผลิตไปประเทศที่ต้นทุนต่ำกว่าได้ตลอด
- มีผู้เชี่ยวชาญและที่ปรึกษาทางในการผลิต และการออกแบบ ที่คอยให้การดูแลอย่างใกล้ชิด
ข้อเสียของโรงงาน ODM
- ต้นทุนในการผลิตค่อนข้างสูงกว่าการผลิตเอง หรือเทียบกับโรงงานประเภทอื่น ๆ
ตัวอย่างสินค้า ODM มีอะไรบ้าง
สำหรับใครยังไม่แน่ใจว่าสินค้าหรือผลิตภัณฑ์ของเรานั้น เหมาะสำหรับโรงงานประเภท ODM หรือไม่ งั้นลองดูตัวอย่างสินค้า ODM กันก่อนว่ามีอะไรบ้าง
- โรงงานสิ่งทอ เช่น เสื้อผ้า กระเป๋า รองเท้า เป็นต้น
- โรงงานผลิตปุ๋ยไอออนิค ผู้รับผลิตปุ๋ยตามสูตรที่ต้องการ แล้วนำเสนอขายให้กับลูกค้าเพื่อสร้างแบรนด์ของตัวเองได้
OBM คืออะไร และ OBM ย่อมาจากอะไร
OBM ย่อมาจาก Original Brand Manufacturing ซึ่ง OBM คือ การผลิตสินค้าภายใต้แบรนด์ของผู้ผลิต หรือเรียกง่าย ๆ ว่าสินค้าหรือผลิตภัณฑ์นั้นมีโรงงานผลิตที่เป็นของตัวเอง โดยโรงงานประเภท OBM ก็จะเริ่มตั้งแต่ดำเนินการศึกษา วิจัย พัฒนาสินค้าตั้งแต่กระบวนแรก ไปจนถึงขั้นตอนการผลิตสินค้า และรับผิดชอบด้านการจัดจำหน่ายสินค้าของแบรนด์ตัวเองเข้าสู่ตลาดอีกด้วย
ซึ่งโรงงานประเภทนี้เหมาะสำหรับแบรนด์ที่มีความมั่นคงแข็งแรง และต้องการเติบโตอย่างเต็มที่ และมีชื่อเสียงที่สามารถทำการตลาดภายใต้แบรนด์ได้อย่างต่อเนื่อง เพราะหากแบรนด์มีความแข็งแรงมากพอ และต้องการที่จะผลิตสินค้าจำนวนมากการสร้างโรงงานผลิตเองน่าจะตอบโจทย์ธุรกิจได้ดี เนื่องจากช่วยลดต้นทุนในการผลิตได้ ทั้งนี้ ต้นทุนการผลิตสินค้าประเภท ก็อาจจะไม่เท่ากันในแต่ละล็อตการผลิต แต่เจ้าของแบรนด์ก็ยังสามารถควบคุมราคาและคุณภาพสินค้าได้อย่างอิสระ
สรุป ข้อดี ข้อเสีย ของโรงงานประเภท OBM
คราวนี้ลองมาดู ข้อดีและข้อเสีย ของโรงงานประเภท OBM กันบ้าง เพื่อจะได้ลองพิจารณาว่าธุรกิจของถึงเวลาแล้วหรือยังที่จะสร้างโรงงานผลิตเป็นของตัวเอง มาดูกัน
ข้อดีของโรงงาน OBM
- เจ้าของแบรนด์สามารถลดต้นทุนในการผลิตไปได้มาก
- มีโรงงานผลิตเป็นของตัวเอง ทำให้สามารถกำหนดจำนวนการผลิตสินค้าได้ตามที่ต้องการ
ข้อเสียของโรงงาน OBM
- ต้นทุนการสร้างโรงงงานการผลิตสินค้าค่อนข้างสูง
- ไม่มีผู้เชี่ยวชาญและที่ปรึกษาคอยแนะนำในการผลิตสินค้า
- เจ้าของแบรนด์สามารถผลิตและออกแบบสินค้าเองได้ทุกอย่างตามที่ต้องการ
ตัวอย่างสินค้า OBM มีอะไรบ้าง
เมื่อรู้แล้วว่า OBM คืออะไร และแสดงตัวอย่างสินค้าให้ดูว่าสินค้าประเภทไหนบ้าง ที่นิยมสร้างโรงงานเอง ดังนี้
- สินค้าประเภทอิเล็กทรอนิกส์ต่าง ๆ
- เครื่องใช้ไฟฟ้าต่าง ๆ เช่น เครื่องปรับอากาศ เครื่องฟอกอากาศ เป็นต้น
สรุปภาพรวมสินค้า OEM ODM และ OBM แตกต่างกันอย่างไรบ้าง
เมื่อพอรู้กันแล้วว่า OEM ODM OBM คืออะไร คราวนี้ลองดูกันสิว่าโรงงานทั้ง 3 ประเภทนี้มีความแตกต่างกันอย่างไรบ้าง เราได้สรุปแบบสั้น ๆ ให้เข้าใจง่าย ดังนี้
สินค้า OEM
- ประเภท : รับจ้างผลิตสินค้า
- การพัฒนาและออกแบบสินค้า : เจ้าของแบรนด์
- การตรวจสอบคุณภาพสินค้า : ไม่สามารถตรวจสอบคุณภาพได้ทุกขั้นตอน
- ต้นทุนสินค้า : ไม่สูงมากถือว่าอยู่ในระดับปานกลาง
- ทุนจัดตั้งโรงงาน : ไม่ต้องลงทุนจัดตั้งโรงงานและจ้างแรงงานด้วยตนเอง
สินค้า ODM
- ประเภท : รับจ้างผลิตและออกแบบสินค้า
- การพัฒนาและออกแบบสินค้า : โรงงาน , โรงงานและเจ้าของแบรนด์
- การตรวจสอบคุณภาพสินค้า : ไม่สามารถตรวจสอบขั้นตอนการผลิตได้อย่างละเอียด
- ต้นทุนสินค้า : ค่อนข้างสูง ยิ่งถ้าเป็นสินค้าผูกขาดแบรนด์
- ทุนจัดตั้งโรงงาน : ไม่ต้องลงทุนจัดตั้งแรงงานและจ้างแรงงานด้วยตนเอง
สินค้า OBM
- ประเภท : สินค้าของโรงงานบริษัทนั้น ๆ ซึ่งเป็นเจ้าของแบรนด์เอง
- การพัฒนาและออกแบบสินค้า : เจ้าของแบรนด์พัฒนาและออกแบบด้วยตนเอง
- การตรวจสอบคุณภาพสินค้า : สามารถตรวจสอบคุณภาพได้ทุกขั้นตอน
- ต้นทุนสินค้า : ต้นทุนต่ำ สามารถควบคุมราคาต้นทุนเองได้
- ทุนจัดตั้งโรงงาน : ทุนในการจัดตั้งแรงงานและจ้างแรงงานสูง
วิธีเลือกโรงงานประเภท OEM อย่างไรให้ดีที่สุด
ใครอยากสร้างแบรนด์สินค้าของตัวเอง กำลังมองหาโรงงาน OEM ในไทย เพื่อผลิตสินค้าหรือผลิตภัณฑ์บ้างล่ะก็ วันนี้เรามีเคล็ดลับวิธีการเลือกโรงงานที่จะมาทำ OEM ในไทยให้กับทุกคน
- ควรเลือกโรงงานที่มีการคิดค้นและพัฒนาสูตร
- ยิ่งถ้าคุณเริ่มต้นทำธุรกิจใหม่ แนะนำให้หาโรงงาน OEM ในไทยที่สามารถช่วยคิดค้นพัฒนาสูตรสินค้าให้กับเราได้ เพื่อจะได้สร้างจุดเด่นและความแตกต่างให้แบรนด์ไม่เหมือนกับแบรนด์อื่น ๆ
- เลือกโรงงานที่ใช้ส่วนผสมได้มาตรฐานและมีคุณภาพ
- สิ่งสำคัญการทำธุรกิจ OEM คือ สินค้าดีมีคุณภาพแน่นอนถ้าต้องการสินค้าที่ดีมีคุณภาพและตรงตามมาตรฐาน จึงจำเป็นต้องเลือกโรงงานที่มีการใช้ส่วนผสมในการผลิตที่ได้มาตรฐาน ผ่านการทดสอบมาแล้ว และที่สำคัญตัวโรงงานก็จะต้องได้รับมาตรฐานด้วยเช่นกัน ยิ่งถ้าเป็นสินค้าประเภทเครื่องสำอาง หรืออาหารเสริม ยิ่งต้องเลือกโรงงานที่มีใบรับรองคุณภาพและมาตรฐาน
- ควรเลือกโรงงานที่มีผู้เชี่ยวชาญให้คำปรึกษาตลอดการผลิตสินค้า
- สำหรับคนเพิ่งเริ่มต้นทำธุรกิจ ยังจำเป็นจะต้องมีผู้เชี่ยวชาญที่จะต้องคอยให้คำปรึกษา ดังนั้น โรงงาน OEM ในไทยหลายแห่งจึงมีผู้เชี่ยวชาญที่คอยให้ปรึกษา หากคุณเลือก OEM ในไทยที่ไม่มีผู้เชี่ยวชาญ สินค้าที่ผลิตออกก็อาจจะไม่มีคุณภาพและไม่ได้มาตรฐาน
- ควรเลือกโรงงานที่ให้บริการครบวงจร หรือ One stop service
- การทำธุรกิจบางครั้งจำเป็นจะต้องมีผู้ช่วย ยิ่งถ้าบริษัทของคุณไม่มีโรงงานผลิตสินค้าเอง แนะนำให้เลือก OEM ในไทยที่พร้อมให้บริการครบวงจร หรือเรียกว่า One stop service เพราะจะช่วยให้ทำธุรกิจได้ง่าย และสบายมากยิ่งขึ้น ยิ่งถ้าได้โรงงานที่สามารถดูแลตั้งแต่เริ่มต้นการคิดค้น วิจัย คิดค้นสูตร ไปจนถึงการให้คำแนะนำการผลิตสินค้าไปจนถึงการจำหน่ายอย่างครบวงจรทุกขั้นตอนก็จะยิ่งดีมาก ๆ
หลังจากได้อ่านบทความนี้แล้ว ทุกคนน่าจะพอรู้แล้วว่า OEM ODM OBM คืออะไร มีความแตกต่างกันอย่างไร ซึ่งโรงงานแต่ละประเภทมีข้อดีและข้อเสียที่ไม่เหมือนกัน สำหรับใครอยากลองทำธุรกิจสร้างแบรนด์ของตัวเอง แต่ไม่รู้ว่าจะผลิตสินค้าอะไรมาขายดี แนะนำให้เลือกเป็นสินค้าใกล้ตัว ใช้ได้ในชีวิตประจำวัน เช่น เครื่องสำอาง เวชภัณฑ์ เป็นต้น คุณสามารถติดต่อสอบถามหรือขอคำปรึกษาได้ที่ อาร์ แอนด์ ดี อินเตอร์ แมนูแฟคเจอริ่ง ซึ่งเป็นโรงงาน OEM ในไทยที่รับผลิตเครื่องสำอางครบวงจร พร้อมให้บริการแบบ One Stop Service ได้คัดสรรส่วนผสมที่ดีที่สุดจากแหล่งวัตถุดิบทั่วทุกมุมโลก เพื่อนำมาผลิตสินค้า และควบคุมการผลิต โดยทีมงานเภสัชกร ภายใต้มาตรฐานระดับโลก
สามารถทดลองประสิทธิภาพของผลิตภัณฑ์ได้แล้ววันนี้ ที่โรงงานผลิตเครื่องสำอาง R&D Inter
โทร 034-440-258