May 15, 2022

เช็กก่อนหน้าพัง! กับลิสต์สารต้องห้ามในเครื่องสำอาง

woman-face-extract-cosmetic

ในปัจจุบันคงปฏิเสธไม่ได้เลยว่าเครื่องสำอางเป็นเรื่องความสวยงามที่มีความจำเป็นต่อชีวิตประวันของใครหลายคน ไม่ว่าจะเป็นเพศไหน หรืออายุเท่าไรก็เริ่มหันมาดูแลเอาใจใส่ตนเองกันมากขึ้นจึงทำให้แบรนด์เครื่องสำอางผุดขึ้นมาค่อนข้างเยอะ การใช้ผลิตภัณฑ์เหล่านี้ผู้บริโภคจึงต้องระมัดระวังมากขึ้นซึ่งจะมีข้อสังเกตอะไรบ้าง พร้อมข้อควรรู้เกี่ยวกับอันตรายจากเครื่องสําอางจาก 8 สารต้องห้ามที่ใช้เป็นส่วนผสม

8 สารอันตรายในเครื่องสําอาง!

เริ่มกันที่การนำคุณผู้อ่านมารู้จักกับ 8 สารอันตรายในเครื่องสำอางซึ่งแต่ละสารจะมีความเป็นพิษและส่งเสียต่อผู้บริโภคอย่างไร มาดูกัน

  1. พาราเบน (Paraben) สำหรับพาราเบน เป็นกลุ่มสารกันเสียในเครื่องสำอางซึ่งเป็นสารที่รบกวนฮอร์โมนส่งผลต่อการทำงานของต่อมไร้ที่ทำหน้าที่ผลิตฮอร์โมนซึ่งอาจทำให้เกิดอาการแพ้ ระคายเคืองผิวหนังและโรคผิวหนังต่าง ๆ รวมถึงยังเป็นสารก่อมะเร็งเนื่องจากง่ายต่อการสะสมในร่างกายผ่านการซึมเข้ากระแสเลือดได้รวดเร็ว
  2. สเตียรอยด์ (Steroid) นับเป็นสารที่พบบ่อยในเครื่องสำอางโดยเฉพาะกลุ่มบำรุงผิวหน้าซึ่งช่วยให้หน้าใสขึ้น สิวหายอย่างรวดเร็ว แต่เมื่อหยุดใช้กลับพบว่า หน้าที่เคยใสกลายเป็นสิวเห่อเนื่องจากโครงสร้างผิวอ่อนแอ เส้นเลือดฝอยขึ้นเป็นรอยแตกสีแดง เกิดสิวอักเสบ ผิวหนังติดเชื้อได้ง่าย นอกจากนี้ยังกดภูมิคุ้มกัน ยับยั้งการเติบโตของเด็กและผู้ป่วยเบาหวานไม่สามารถคุมน้ำตาลในเลือดได้
  3. ปรอท (Mercury) สารที่พบได้บ่อยกลุ่มเครื่องสำอางและผลิตภัณฑ์บำรุงผิวที่ช่วยให้สิว ฝ้า กระหายได้อย่างรวดเร็วทำให้ผิวดูใสขึ้น แต่เมื่อหยุดใช้ผิวคล้ำลงจนเป็นสีปรอท หรือดำอมเทาอย่างเห็นได้ชัด โดยหากใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของปรอทติดต่อกันเป็นระยะเวลานาน ๆ ทั้งการสูดดมและการทาจะกลายเป็นสารก่อมะเร็งและไปทำลายระบบประสาทส่วนกลาง เกิดตับ ไตอักเสบ รวมถึงภาวะโลหิตจาง
  4. กรดเรติโนอิก (Retinoic) กรดเรติโนอิก เรตินอล หรือวิตามิน A มักเป็นส่วนผสมในเครื่องสำอางในครีมหน้าขาวเนื่องจากมีฤทธิ์ในการกระตุ้นแบ่งเซลล์ หรือเร่งผลัดเซลล์ผิว รวมลดจำนวนเม็ดสีและลดสิวอุดตันซึ่งหากจะนมาใช้ต้องขั้นทะเบียนยาเท่านั้นและมีผลข้างเคียงคือทำให้เกิดอาการระคายเคืองผิวหนัง ผิวหน้าอักเสบ หน้าลอก แพ้แสงและเกิดภาวะผิวด่าง
  5. โซเดียมซัลเฟต (Sodium sulfate) มักจะอยู่ในรูปแบบสบู่ ยาสีฟัน ยาสระผมที่สามารถแทรกซึมลงไปในชั้นผิวหนังได้ถึง 5-6 มม.ซึ่งส่งผลให้ผิวบางซึ่งทำให้สารเคมีในเครื่องสําอาง หรือผลิตภัณฑ์สุขภาพแทรกซึมได้ดีขึ้นจนเกิดอาการแพ้และระคายเคืองจนเกิดปัญหาผิวหนัง
  6. โพลีเอธิลีนไกคอล (Polyethylene Glycols-PEGs) สารที่พบได้บ่อยในเครื่องสำอางและกลุ่มมอยเจอร์ไรเซอร์ที่เป็นหนึ่งในสารปิโตรเลียมที่มีความเป็นพิษต่ำ แต่มักพบการปนเปื้อนซึ่งหากได้ผู้ใช้ได้รับในปริมาณจะส่งผลต่อเด็กทารก คนมีโรคประจำตัว เช่น ไตวาย ลมชัก เกิดภาวะเลือดเป็นกรด กดระบบประสาทส่วนกลาง น้ำตาลในเลือดต่ำ รวมถึงเกิดผื่นแพ้สัมผัสในผู้ใช้บางคน
  7. ตะกั่ว (Lead) เป็นสารต้องห้ามที่พบได้บ่อยในลิปสติกเนื่องจากหากดูดซึมเข้าสู่ร่างกายจะก่อให้เกิดอาการปวดบิดอย่างรุนแรงโดยไม่ทราบสาเหตุ ร่วมกับอาการท้องผูก หรืออาจทำให้ถ่ายเป็นเลือด มีอาการซีดอ่อนแรงเนื่องจากเม็ดเลือดถูกทำลายเร็วขึ้น รวมถึงลดอัตราการสร้างเม็ดเลือดแดง
  8. ไฮโดรควิโนน (HYDROQUINONE) ทิ้งท้ายด้วยกลุ่มสารไฮโดรควิโนนที่เป็นตัวยาใช้สำหรับการรักษารอยดำ ฝ้า กระ หรือเม็ดสีที่มีความเข้มผิดปกติซึ่งมักพบในครีมรักษาฝ้า ครีมลอกหน้าขาวซึ่งหากใช้ในปริมาณที่สูง หรือใช้ติดต่อกันเป็นระยะเวลานาน ๆ จะทำให้ผิวเกิดอาการระคายเคือง ผิวแตกแดงง่าย สีผิวไม่สม่ำเสมอ ไวต่อแสงแพ้ง่ายและอาจทำให้เป็นฝ้าถาวร

เน้นย้ำอีกครั้งกับ 8 สารอันตรายในเครื่องสำอางซึ่งมี 5 สารจาก 8 สารที่ห้ามใช้โดยเด็ดขาดในผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางทุกชนิด ได้แก่ สารไฮโดรควิโนน ปรอทแอมโมเนีย กรดเรติโนอิก สารสเตียรอยด์และสารตะกั่ว เนื่องจากก่อให้เกิดอันตรายต่อผู้ใช้งานทันที หรือเมื่อหยุดใช้และยังส่งผลกระทบระยะยาวเมื่อใช้ติดต่อกันเป็นระยะเวลานาน เช่น ก่อให้เกิดโรคมะเร็ง โรคผิวหนัง หรือรุนแรงจนอาจถึงขั้นเสียชีวิต

แต่สารอื่น ๆ ที่ไม่ได้อยู่ใน 5 สารข้างต้นที่กล่าวมา หากจัดอยู่ในเกณฑ์สารอันตรายก็ต้องมีการตรวจสอบสารว่าการนำไปผสมเครื่องสำอางค์ในปริมาณที่สูงกว่ามาตรฐานกำหนดหรือไม่ รวมถึงก่อนซื้อเครื่องสำอางค์ทุกครั้งให้หมั่นสังเกตลักษณะสี กลิ่น เนื้อครีม มาตรฐานผลิตภัณฑ์ การรับรองต่าง ๆ และแหล่งซื้อขายว่ามีความน่าเชื่อถือและปลอดภัยหรือไม่

โดยสามารถตรวจสอบเลขผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางได้ที่ สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา กระทรวงสาธารณสุข

คำถามที่พบบ่อยและควรระมัดระวังในการซื้อเครื่องสำอาง อันตรายที่ต้องเจอ

Q: เครื่องสำอางที่มีส่วนผสมของสารต้องห้ามใดที่มีผลทำให้ผิวขาวขึ้น

ผิวขาวเป็นสิ่งที่สาว ๆ หลายคนใฝ่ฝันและต้องการให้เห็นผลไว แต่บางครั้งอาจแลกมาด้วยความเสี่ยงจากสารที่เป็นส่วนผสมต้องห้ามที่เสี่ยงต่อหน้าพังซึ่งได้แก่ สารไฮโดรควิโนน ปรอท กรดเรติโนอิก สารสเตียรอยด์และสารตะกั่ว รวมถึงกลุ่มสาร AHA และ BHA

Q: สารห้ามใช้ในเครื่องสำอางที่ใช้แล้วเป็นอันตรายต่อทารกในครรภ์

ถัดมาเป็นกลุ่มสารที่สตรีมีครรภ์ควรระมัดระวังอย่างมากในการใช้ระหว่างทารกอยู่ในครรภ์เนื่องจากอาจส่งผลต่อการเจริญเติบโตของทารก ทำให้อวัยวะผิดรูปซึ่งหากร้ายแรงอาจถึงขั้นทารกเสียชีวิตซึ่งได้แก่ สารไฮโดรควิโนน ปรอทแอมโมเนีย กรดเรติโนอิก สารสเตียรอยด์ สารตะกั่ว โพลีเอธิลีนไกคอล พาราเบน กลุ่มสาร BHA

รู้ก่อนหน้าพัง! กับ 5 จุดสังเกตก่อนเลือกซื้อครีมที่อาจมีสารอันตรายจากเครื่องสำอาง

เมื่อทราบถึงรายชื่อสารอันตรายในครีมและ 8 สารต้องห้ามในเครื่องสำอางทุกชนิด รวมถึงกลุ่มสารที่ไม่ควรระมัดระวังในกลุ่มสารทำให้ผิวขาวและอันตรายต่อทารกหากใช้ติดต่อกันเป็นระยะเวลานาน ๆ หรือในปริมาณที่ไม่เหมาะสมกันไปแล้ว ก็ขอทิ้งท้ายด้วย 5 เคล็ดลับสังเกตสารอันตรายจากเครื่องสำอาง ดังนี้

  1. อวดอ้างสรรพคุณเกินจริง เช่น รักษาสิว ฝ้า กระ จุดด่างดำ ให้หน้ากระจ่างใส ผิวชุ่มชื่น รูขุมขนกระชับขึ้นได้อย่างรวดเร็วภายใน 7 วัน
  2. สีครีมผิดไปจากปกติ หรือมีสีสันมากจนเกินไป เช่น สีส้ม สีเขียว ที่อวดอ้างว่าสกัดมาจากพืชธรรมชาติอาจมีส่วนผสมของสเตียรอยด์
  3. กลิ่นน้ำหอมแรงผิดปกติ หากครีมมีกลิ่นฉุนเตะจมูกไม่ต่างจากสีเนื่องจากครีมอันตรายบางตัวอาจให้กลิ่นที่แรง แต่สารที่สามารถผสมในเครื่องสำอางได้และมีความปลอดภัยส่วนใหญ่จะไม่มีกลิ่น
  4. หยุดใช้ครีมแล้วสิวเห่อ สาว ๆ หลายคนเคยซื้อครีมมาใช้แล้วหน้าใส สิวหาย ฝ้ากระดูจางลงแต่พอหยุดใช้กลับพบว่า ปัญหาต่าง ๆ ที่เคยดีกลับแย่ลงเรื่อย ๆ จากหน้าที่เคยใส ไร้สิว กลับมามีสิวเห่อ เกิดเป็นสิวอักเสบ มีรอยแดง รอบด่างดำซึ่งอาจมีส่วนผสมของสารอันตรายอย่างสเตียรอยด์
  5. เนื้อครีมคล้ายเนื้อทราย ไม่ใช้เม็ดบีดส์ซึ่งหากมองด้วยตาเปล่าจะพบลักษณะของเนื้อครีมค่อนข้างมีความหยาบซึ่งไม่ใช่ลักษณะของเม็ดบีดส์ที่อาจจะพบเจอได้ในโฟมล้างหน้ามากกว่า หากพบลักษณะที่กล่าวมา ให้หลีกเลี่ยง

โดยทั้ง 5 จุดสังเกตเป็นเพียงส่วนหนึ่งในการตรวจสอบสารอันตรายในเครื่องสําอางซึ่งอาจจะมีการสังเกตการขึ้นทะเบียนว่ามีเครื่องหมายอย. หรือไม่ รวมถึงการอ่านฉลาก หรือทดสอบเนื้อครีมหาสารอันตรายเบื้องต้นได้ด้วยตนเองซึ่งจะช่วยป้องกันไม่ให้คุณหน้าพังจากเครื่องสำอาง

สามารถทดลองประสิทธิภาพของเครื่องสำอางที่ปลอดสารอันตราย ได้แล้ววันนี้

โทร 034-440-258

บทความที่เกี่ยวข้อง

สาระน่ารู้สำหรับเจ้าของแบรนด์

30 แคปชั่นขายครีมโดนๆ ไว้โพสต์ขายของปี 2023

ในยุคที่การตลาดออนไลน์กลายเป็นตลาดสุดร้อนแรงทั้งในเรื่องปริมาณผู้บริโภคที่เข้ามาในตลาดอย่างต่อเนื่องและการแข่งขันของผู้ขายอย่างดุเดือดเนื่องจากมีจำนวนร้านค้าอออนไลน์เพิ่มขึ้นแบบก้าวกระโดดด้วยขอบเขตรายได้ที่ค่อนข้างสูงหาสามารถเข้ามาตีตลาดได้สำเร็จโดยเฉพาะธุรกิจเครื่องสำอางซึ่งวันนี้จะนำเสนอในมุมมองของการขายครีมว่าขายครีมยังไงให้ปัง พร้อมแคปชั่นขายครีมแบบสับ ๆ มัดใจลูกค้าให้สั่งซื้อกันจุก ๆ แคปชั่น (Caption) เป็นคำบรรยายสั้น ๆ ที่ใช้สื่อสารถึงสิ่งนั้น ๆ ซึ่งในแง่ของการขายสินค้าแคปชั่นคงไม่ต่างจากการแนะนำสินค้า โฆษณาสิ่งของควบคู่ไปกับภาพสินค้าสวย ๆ เพื่อเรียกความสนใจจากลูกค้าให้เขาหยุดอ่านดูเพื่อเพิ่มโอกาสในการซื้อสินค้า 30 แคปชั่นขายครีมโดนๆ เป็นแม่ค้า พ่อค้าออนไลน์ในยุคนี้ จะคิดแคปชั่นโพสต์แต่ละทีก็กินเวลาไปหลายนาทีเพราะกลัวซ้ำ ไม่ถูกใจลูกค้า หรือจะไม่มีใครมากดไลค์ซึ่งเราได้รวบรวม 30 แคปชั่นขายครีมโดนๆ มาฝาก

สาระน่ารู้สำหรับเจ้าของแบรนด์

อยากทําแบรนด์ของตัวเองต้องเริ่มยังไงให้ปัง กำไรเยอะ

อาชีพที่หลายคนอาจใฝ่ฝันคือการก้าวสู่การเป็นเจ้าของธุรกิจ (Owner Business) ซึ่งอาจจะไม่ใช่เรื่องง่าย แต่ก็ทำได้หากอยากลงมือทำซึ่งในวันนี้เอาใจคนที่มีฝันอยากสร้างแบรนด์ตัวเองผ่านการเผยสูตรเคล็ดลับการเริ่มต้นสร้างธุรกิจ ว่ามีกลยุทธ์ใดบ้างที่ต้องรู้และต้องเตรียมความพร้อมอย่างไรซึ่งอย่ารอช้า! ไปเริ่มกันเลย 9 กลยุทธ์เริ่มต้นสร้างแบรนด์สู่ความสำเร็จ เผย 9 กลยุทธ์สู่ความสำเร็จซึ่งจะมีปัจจัยใดบ้างที่น่าสนใจเพื่อเอาใจมือใหม่ที่กำลังเริ่มต้นสร้างของตัวเอง ก่อนจะเริ่มทำแบรนด์ก็ต้องรู้จักกลุ่มเป้าหมายกันก่อนว่าสินค้าที่เราจะทำออกมาสู่ตลาดเหมาะกับคนกลุ่มไหน หรือมองเห็นโอกาสจากคนกลุ่มไหนซึ่งก็จะต้องมาศึกษาหาข้อมูล Insight กันเพิ่มเติมเพื่อตีกลุ่มเป้าหมายให้แตก เมื่อรู้กลุ่มเป้าหมาย ได้สินค้าที่ต้องการผลิตออกมาจำหน่ายแล้วก็ต้องออกไปสำรวจตลาดว่ามีแนวโน้มธุรกิจเป็นอย่างไร พอจะเป็นไปได้ไหม จำนวนคนขายสินค้าประเภทนี้มีมากน้อยเพียงใด หากผลิตสินค้าออกมาจะสามารถตีตลาดได้ไหม จุดแข็งจุดอ่อนของคู่แข่งทางธุรกิจมีอะไรบ้างโดยนำไปเปรียบเทียบและทำการวิเคราะห์เพื่อนำไปวางกลยุทธ์ต่อไป เมื่อเราเริ่มเข้าใจตลาดเบื้องต้นแล้วและมองเห็นว่าธุรกิจไปได้ ลำดับต่อไปก็ลองมาร่างแผนธุรกิจ (Business

สาระน่ารู้สำหรับเจ้าของแบรนด์

เปิด 5 เว็บไซต์ออกแบบโลโก้สุดปังทั้งแบบฟรี และมีค่าใช้จ่ายในปั 2023

การสร้างแบรนด์ นอกจากลงเงินแล้วยังต้องสร้างภาพลักษณ์ที่ดีให้กลายเป็นที่จดจำด้วยสินค้าที่มีคุณภาพ ใส่ใจทุกความต้องการของลูกค้าซึ่ง ”โลโก้” ถือเป็นองค์ประกอบที่สำคัญของแบรนด์เพราะแสดงออกถึงการตัวตนของแบรนด์นั้น ๆ ที่สามารถออกแบบโลโก้ ออนไลน์ ฟรีได้ง่าย ๆ ผ่านเว็บไซต์เอาใจผู้ที่เริ่มต้นอยากทำแบรนด์เป็นของตัวเองได้ง่าย ๆ โลโก้ คืออะไร ทำไมถึงสำคัญต่อแบรนด์ เริ่มต้นกันที่คำนิยามของโลโก้ (Logo) ซึ่งเปรียบเสมือนสัญลักษณ์ หรือเครื่องหมายที่บ่งบอกถึงตัวตนของแบรนด์นั้น ๆ หรือเปรียบเทียบเป็นภาพจำ หากเห็นโลโก้แบรนด์นี้สื่อถึงอะไร โลโก้จึงเปรียบเสมือนผู้ที่ทำหน้าที่ในการสื่อสารความเป็นแบรนด์ออกไป พร้อมการบอกเล่าเรื่องราว สร้างความเชื่อมั่นและการจดจำไปตามกาลเวลา