May 10, 2022

“เครื่องสำอางออร์แกนิค” เทรนด์ความงามยุคใหม่ที่ปลอดภัย ไร้สารอันตราย

bag-organic-cosmetic

ปัจจุบันผู้คนหันมาให้ความสนใจสุขภาพมากขึ้น รวมถึงกระแส ECO ที่ต้องการให้ผลิตภัณฑ์เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมทำให้เกิดแนวคิด “เครื่องสำอางออร์แกนิค” ออกมาในหลายประเทศ รวมถึงประเทศซึ่งกลายเป็นเทรนด์ความที่ได้รับความนิยมอย่างมากเนื่องจากตอบโจทย์เรื่องสุขภาพและความปลอดภัยซึ่งจะมีอะไรน่าสนใจอีกบ้าง โปรดติดตาม

เครื่องสำอางออร์แกนิคนั้นคืออะไร?

เครื่องสําอางออร์แกนิค (Organic) คือ ครีม โลชั่น รวมถึงเครื่องประทินผิวต่าง ๆ ที่ทำมาจากส่วนผสมจากธรรมชาติ เช่น พืช ดอกไม้ สมุนไพร น้ำมันหอมระเหย หรือจากสัตว์ เช่น ขี้ผึ้ง หรือแร่ธาตุต่าง ๆ ซึ่งนำใช้ผสมกับสารอื่น ๆ อาทิ สารกันบูด สารลดแรงตึงผิว หรือสารให้ความชุ่มชื่นเพื่อสร้างความพึงพอใจต่อผู้ใช้งานให้ตรงตามคุณสมบัติที่ต้องการ

ความต่างของผลิตภัณฑ์ออร์แกนิค VS ผลิตภัณฑ์ธรรมชาติ

จากข้างต้นจะเห็นได้ชัดว่าผลิตภัณฑ์ออแกนิค (Organic Product) คือ ผลิตภัณฑ์ที่มาจากธรรมชาติอย่างแท้จริงซึ่งจะไม่มีการปรุงแต่ง หรือปนเปื้อนของสารสังเคราะห์ที่เกิดจากการใช้เทคโนโลยี หรือนวัตกรรมที่มีสารเคมีแอบแฝงซึ่งวัตถุดิบและส่วนผสมมาจากเกษตรอินทรีย์และโดยจะไม่มีสารเคมีสังเคราะห์ในการผลิต หรือถ้าเจือปนก็น้อยมากซึ่งต้องมีปริมาณไม่เกิน 10% และท้ายที่สุดผลิตภัณฑ์ต้องผ่านการรับรองโดยองค์กรที่แต่งตั้งขึ้นโดยรัฐบาลในแต่ละประเทศ ในขณะที่ผลิตภัณฑ์ธรรมชาติ (Natural Product) จะเป็นส่วนหนึ่งของผลิตผลที่ได้จากธรรมชาติเท่านั้น

เทียบข้อดี – ข้อเสียของเครื่องสำอางออร์แกนิค

มาต่อกันที่ข้อดี – ข้อเสียของเครื่องสำอางออร์แกนิคเพื่อช่วยให้คุณนำไปพิจารณาก่อนตัดใจเลือกซื้อผลิตภัณฑ์ออร์แกนิค ของไทย หรือต่างประเทศ

ข้อดีของเครื่องสําอางออร์แกนิค?

  1. เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม มากกว่าเครื่องสำอางที่ทำมาจากสารสังเคราะห์เนื่องจากเป็นผลิตภัณฑ์ที่มาจากธรรมชาติอย่างแท้จริงซึ่งไม่ส่งผลเสียต่อพืชและสัตว์ เช่น อลูมิเนียมและตะกั่วที่มีในส่วนผสมของเครื่องสำอางบางตัว
  2. อุดมไปด้วยประโยชน์จากสารสกัดธรรมชาติ เช่น พืช ผักผลไม้ สมุนไพรที่ให้วิตามิน C D E ที่มีสรรพคุณในการฟื้นฟู บำรุงและผลัดเซลล์ผิวให้ดูกระจ่างใส หรือสารประกอบอื่น ๆ อีกมากมาย
  3. ปลอดภัยและไม่ก่อให้เกิดอันตรายต่อผิวหนัง ด้วยส่วนผสมที่ผลิตได้มาจากธรรมชาติจึงปราศจากอาการระคายเคือง ผื่นคันต่าง ๆ ซึ่งแตกต่างส่วนผสมสารเคมีบางตัว เช่น พาราเบน โพรพิลีนไกลคอล ซัลเฟต ไตรโคซาล ปิโตรเคมี หรือสีย้อมสังเคราะห์ที่อาจก่อให้เกิดอาการแพ้ ระคายเคือง รวมถึงเกิดผลข้างเคียงอื่น ๆ ที่กระทบต่อผิวหนังไปจนถึงปัญหาสุขภาพ
  4. ใช้ได้อย่างต่อเนื่อง ติดต่อกันเป็นระยะเวลานาน ๆ โดยไม่ก่อให้เกิดอันตรายต่อผิว หรือสารสะสมบนผิวหนังจนนำสู่การอุดตัน ก่อให้เกิดมะเร็ง หรืออาการแพ้ต่าง ๆ เนื่องจากเป็นผลิตภัณฑ์ที่ปราศจากสารเคมี

ข้อเสียของเครื่องสําอางออร์แกนิค?

  1. ราคาค่อนข้างสูง กว่าเครื่องสำอางค์ประเภทอื่น ๆ เพราะต้องใช้สารสกัดจากธรรมชาติแทบ 100% ทำให้มีต้นทุนการผลิตสูง พร้อมขั้นตอนการผลิตที่ค่อนข้างหลายขั้นตอน มีความยุ่งยากแต่ได้คุณภาพที่คุ้มค่ากับราคาอย่างแน่นอน

จะเห็นได้ชัดว่าเครื่องสําอาง Organic นั้นผลิตมาจากธรรมชาติแทบ 100% จึงทำให้ไม่เกิดปัญหาเกี่ยวกับสุขภาพผิวหนังเท่ากับเครื่องสำอางตัวอื่น ๆ โดยสิ่งที่ได้รับคือ ความปลอดภัย ไร้กังวลเรื่องการแพ้ระคายเคือง แถมปราศจากสารเคมีทำให้ห่างไกลจากโรคมะเร็งและที่สำคัญใช้งานได้อย่างต่อเนื่องไม่ต้องเปลี่ยนครีมบ่อย และยังเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม แต่อาจแลกมาด้วยราคาที่สูงกว่าแต่คุ้มค่าอย่างแน่นอน

เกณฑ์เครื่องสําอางออร์แกนิคตาม Standards for JOCA Recommended Products

  1. จะต้องไม่มีส่วนผสมของน้ำมัน หรือส่วนผสมที่สกัดจากน้ำมัน
  2. ส่วนผสมไม่ควรย่อยสลายตามธรรมชาติ (Biodegradable) และ
  3. ต้องไม่ส่งผลต่อความสมดุลของระบบนิเวศ (Ecological balance) เช่น ดิน พืชและแร่ธาตุ ต้องไม่ใช้ส่วนผสมที่สร้างขึ้นใหม่ซึ่งถูกดัดแปลงจากส่วนประกอบดั้งเดิมที่มีในธรรมชาติ หรือไม่เคยมีอยู่ในธรรมชาติ
  4. ให้ใช้พืชที่เติบโตเองตามธรรมชาติ หรือปลูกโดยไม่ใช้ยาฆ่าศัตรูพืชและปุ๋ยเคมี (ไม่ว่าจะมีใบรับรองหรือไม่ก็ตาม)
  5. ไม่ใช้ส่วนผสมที่โครงสร้างดั้งเดิมถูกทำให้ย่อยสลายโดยใช้แรงดัน หรืออุณหภูมิสูง ๆ รวมทั้งส่วนผสมที่สังเคราะห์ไม่ได้มีอยู่ในธรรมชาติ แม้ว่าจะสกัดได้มาจากพืช (Plant) ก็ตาม
  6. ตัวทำละลายที่ใช้ในการสกัดจากพืชต้องผลิตมาจากส่วนผสมตามธรรมชาติ
  7. สินค้าที่ผลิตขึ้นในขั้นตอนสุดท้ายจะต้องผลิตมาจากส่วนผสมตามธรรมชาติ 100%
  8. การละลายให้เข้ากับน้ำ(Emulsification) ต้องทําโดยอาศัยส่วนผสมตามธรรมชาติเท่านั้น และต้องไม่ใช้สารลดแรงดึงผิวสังเคราะห์(Synthetic Surfactant)
  9. ต้องใช้ส่วนผสมตามธรรมชาติเท่านั้นและปราศจากสารสังเคราะห์ใดๆ ทั้งสิ้นในการให้คุณสมบัติสำหรับฆ่าเชื้อโรค(Antiseptic) หรือกันบูดเสีย(Preservative Property)
  10. สารทําความสะอาด(Cleaning Agent) ต้องผลิตโดยใช้ส่วนผสมตามธรรมชาติเท่านั้นและปราศจากสารลดแรงดึงผิวสังเคราะห์
  11. ใช้วิธีการสกัด ปรุงแต่ง ฟอกขาว และการสกัดสารสกัดจากพืช (Extract) โดยจะต้องไม่ใช้ตัวทําละลายสังเคราะห์ (Synthetic Solvent)
  12. ตัวทําละลายที่ใช้ในการสกัดสารสกัดจากพืชจะต้องผลิตจากส่วนผสมตามธรรมชาติ อาทิเช่น น้ำ น้ำมันพืช กลีเซอรีน (Glycerin) โดยห้ามไม่ให้ใช้น้ำมัน หรือส่วนผสมที่ได้จากน้ำมัน (BG)
  13. ต้องไม่พบส่วนผสมหลงเหลือ (Carryover Ingredients) ในสารสกัดจากพืช ยกเว้นหากเป็นสารธรรมชาติโดยสมบูรณ์

เครื่องสําอางออร์แกนิค การใช้ในการผลิตจะต้องอิงตามข้างต้นซึ่งถูกกำหนดไว้ตาม Standards for JOCA Recommended Products ซึ่งหากเสร็จสมบูรณ์และถูกต้องครบทุกขั้นตอน ผลิตภัณฑ์จะได้รับเครื่องหมายรับรองมาตรฐานเครื่องสําอางออร์แกนิคของ JOCA

เลือกแหล่งผลิตเครื่องสำอาง ที่ไหนดี ?

ทิ้งท้ายกันด้วยแหล่งผลิตเครื่องสําอางออร์แกนิค ตัวอย่างจากโรงงาน rd-intermanu ที่มีคุณภาพจากทีมบริหารงานคุณภาพซึ่งเหมาะกับเจ้าของแบรนด์ที่อยากสร้างแบรนด์เครื่องสำอางค์แต่ไม่รู้จะเริ่มต้นอย่างไร เรามีตัวอย่างผลิตภัณฑ์ที่เหมาะกับการนำไปเป็นตัวเลือกตามความต้องการของลูกค้า อาทิ ผลิตภัณฑ์สำหรับคลีนิคเสริมความงาม ผลิตภัณฑ์ตกแต่งผิวหน้า ผลิตภัณฑ์ตกแต่งริมฝีปาก ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดผิว ผลิตภัณฑ์ตกแต่งแก้มและดวงตา ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวหน้า ผลิตภัณฑ์บำรุงเส้นผม ผลิตภัณฑ์กันแดดและผลิตภัณฑ์บำรุงผิวกายที่การันตีคุณภาพสินค้าด้วยมาตรฐานสากลระดับโลกทำให้ลูกค้าต่างไว้วางใจเลือกใช้บริการ

ผลิตภัณฑ์ออร์แกนิค ของไทยก็มีคุณภาพไม่แพ้กับต่างประเทศเนื่องจากใช้มาตรฐานเดียวกับสากลเพียงแต่ต้องเลือกแหล่งผลิตที่มีความน่าเชื่อถือและได้รับการรองรับอย่าง rd-intermanu ที่จะเข้ามาช่วยเพิ่มความมั่นใจในทุกขั้นตอนที่ใส่ใจทุกรายละเอียด เน้นคุณภาพและเป็นไปตามมาตรฐานสากลที่ปลอดภัย ไร้สารอันตรายผสมลงไปในเครื่องสำอางค์เพื่อให้ผู้ใช้งานมีสุขภาพผิวที่ดี ไม่เกิดอาการแพ้ หรืออาการระคายเคือง

สามารถทดลองประสิทธิภาพของเครื่องสำอาง Organic ได้แล้ววันนี้

โทร 034-440-258

บทความที่เกี่ยวข้อง

สาระน่ารู้สำหรับเจ้าของแบรนด์

30 แคปชั่นขายครีมโดนๆ ไว้โพสต์ขายของปี 2023

ในยุคที่การตลาดออนไลน์กลายเป็นตลาดสุดร้อนแรงทั้งในเรื่องปริมาณผู้บริโภคที่เข้ามาในตลาดอย่างต่อเนื่องและการแข่งขันของผู้ขายอย่างดุเดือดเนื่องจากมีจำนวนร้านค้าอออนไลน์เพิ่มขึ้นแบบก้าวกระโดดด้วยขอบเขตรายได้ที่ค่อนข้างสูงหาสามารถเข้ามาตีตลาดได้สำเร็จโดยเฉพาะธุรกิจเครื่องสำอางซึ่งวันนี้จะนำเสนอในมุมมองของการขายครีมว่าขายครีมยังไงให้ปัง พร้อมแคปชั่นขายครีมแบบสับ ๆ มัดใจลูกค้าให้สั่งซื้อกันจุก ๆ แคปชั่น (Caption) เป็นคำบรรยายสั้น ๆ ที่ใช้สื่อสารถึงสิ่งนั้น ๆ ซึ่งในแง่ของการขายสินค้าแคปชั่นคงไม่ต่างจากการแนะนำสินค้า โฆษณาสิ่งของควบคู่ไปกับภาพสินค้าสวย ๆ เพื่อเรียกความสนใจจากลูกค้าให้เขาหยุดอ่านดูเพื่อเพิ่มโอกาสในการซื้อสินค้า 30 แคปชั่นขายครีมโดนๆ เป็นแม่ค้า พ่อค้าออนไลน์ในยุคนี้ จะคิดแคปชั่นโพสต์แต่ละทีก็กินเวลาไปหลายนาทีเพราะกลัวซ้ำ ไม่ถูกใจลูกค้า หรือจะไม่มีใครมากดไลค์ซึ่งเราได้รวบรวม 30 แคปชั่นขายครีมโดนๆ มาฝาก

สาระน่ารู้สำหรับเจ้าของแบรนด์

อยากทําแบรนด์ของตัวเองต้องเริ่มยังไงให้ปัง กำไรเยอะ

อาชีพที่หลายคนอาจใฝ่ฝันคือการก้าวสู่การเป็นเจ้าของธุรกิจ (Owner Business) ซึ่งอาจจะไม่ใช่เรื่องง่าย แต่ก็ทำได้หากอยากลงมือทำซึ่งในวันนี้เอาใจคนที่มีฝันอยากสร้างแบรนด์ตัวเองผ่านการเผยสูตรเคล็ดลับการเริ่มต้นสร้างธุรกิจ ว่ามีกลยุทธ์ใดบ้างที่ต้องรู้และต้องเตรียมความพร้อมอย่างไรซึ่งอย่ารอช้า! ไปเริ่มกันเลย 9 กลยุทธ์เริ่มต้นสร้างแบรนด์สู่ความสำเร็จ เผย 9 กลยุทธ์สู่ความสำเร็จซึ่งจะมีปัจจัยใดบ้างที่น่าสนใจเพื่อเอาใจมือใหม่ที่กำลังเริ่มต้นสร้างของตัวเอง ก่อนจะเริ่มทำแบรนด์ก็ต้องรู้จักกลุ่มเป้าหมายกันก่อนว่าสินค้าที่เราจะทำออกมาสู่ตลาดเหมาะกับคนกลุ่มไหน หรือมองเห็นโอกาสจากคนกลุ่มไหนซึ่งก็จะต้องมาศึกษาหาข้อมูล Insight กันเพิ่มเติมเพื่อตีกลุ่มเป้าหมายให้แตก เมื่อรู้กลุ่มเป้าหมาย ได้สินค้าที่ต้องการผลิตออกมาจำหน่ายแล้วก็ต้องออกไปสำรวจตลาดว่ามีแนวโน้มธุรกิจเป็นอย่างไร พอจะเป็นไปได้ไหม จำนวนคนขายสินค้าประเภทนี้มีมากน้อยเพียงใด หากผลิตสินค้าออกมาจะสามารถตีตลาดได้ไหม จุดแข็งจุดอ่อนของคู่แข่งทางธุรกิจมีอะไรบ้างโดยนำไปเปรียบเทียบและทำการวิเคราะห์เพื่อนำไปวางกลยุทธ์ต่อไป เมื่อเราเริ่มเข้าใจตลาดเบื้องต้นแล้วและมองเห็นว่าธุรกิจไปได้ ลำดับต่อไปก็ลองมาร่างแผนธุรกิจ (Business

สาระน่ารู้สำหรับเจ้าของแบรนด์

เปิด 5 เว็บไซต์ออกแบบโลโก้สุดปังทั้งแบบฟรี และมีค่าใช้จ่ายในปั 2023

การสร้างแบรนด์ นอกจากลงเงินแล้วยังต้องสร้างภาพลักษณ์ที่ดีให้กลายเป็นที่จดจำด้วยสินค้าที่มีคุณภาพ ใส่ใจทุกความต้องการของลูกค้าซึ่ง ”โลโก้” ถือเป็นองค์ประกอบที่สำคัญของแบรนด์เพราะแสดงออกถึงการตัวตนของแบรนด์นั้น ๆ ที่สามารถออกแบบโลโก้ ออนไลน์ ฟรีได้ง่าย ๆ ผ่านเว็บไซต์เอาใจผู้ที่เริ่มต้นอยากทำแบรนด์เป็นของตัวเองได้ง่าย ๆ โลโก้ คืออะไร ทำไมถึงสำคัญต่อแบรนด์ เริ่มต้นกันที่คำนิยามของโลโก้ (Logo) ซึ่งเปรียบเสมือนสัญลักษณ์ หรือเครื่องหมายที่บ่งบอกถึงตัวตนของแบรนด์นั้น ๆ หรือเปรียบเทียบเป็นภาพจำ หากเห็นโลโก้แบรนด์นี้สื่อถึงอะไร โลโก้จึงเปรียบเสมือนผู้ที่ทำหน้าที่ในการสื่อสารความเป็นแบรนด์ออกไป พร้อมการบอกเล่าเรื่องราว สร้างความเชื่อมั่นและการจดจำไปตามกาลเวลา