December 15, 2022

มารู้จัก เวชสำอาง คืออะไร คุณสมบัติช่วยบำรุงผิวพรรณได้อย่างไรบ้าง

ปัจจุบันผลิตภัณฑ์เพื่อความสวยความงามมีหลากหลายประเภท จนบางครั้งไม่สามารถแยกออกได้ว่าผลิตภัณฑ์ที่ซื้อมาใช้ ไม่ว่าจะเป็น ผลิตภัณฑ์สกินแคร์ หรือ ครีมบำรุงผิว นั้นเป็นเวชสำอางหรือเครื่องสำอางกันแน่!! วันนี้เราก็เลยอยากมาอธิบายให้ทุกคนเข้าใจกันสักทีว่า เวชสําอาง คืออะไร เวชสําอาง มีอะไรบ้าง รวมถึงเวชสําอาง กับ เครื่องสําอาง ต่างกันอย่างไร คราวนี้ก็คงได้รู้แล้วว่าผลิตภัณฑ์ที่ใช้อยู่นั้นเป็นเวชสำอางหรือเครื่องสำอางกันแน่! ไปร่วมหาคำตอบพร้อมกันเลย

เวชสำอาง คืออะไร

เวชสำอาง (Cosmeceuticals) คือ ผลิตภัณฑ์ที่ได้ผสมผสานกันระหว่าง “เครื่องสำอาง” และ “ผลิตภัณฑ์ยา” มารวมกัน โดยเวชสำอางจะมีคุณสมบัติเดียวกับเครื่องสำอาง และยังมีสรรพคุณเหมือนกับยา ช่วยรักษาอาการผิดปกติที่เกิดขึ้นกับผิวต่าง ๆ เช่น ริ้วรอย สิว ฝ้ากระ และจุดด่างดำ ซึ่งเวชสำอางจะมีฤทธิ์ในการรักษา จึงช่วยจัดการปัญหาผิวได้อย่างตรงจุด ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงแก่ผิวพรรณอย่างเห็นได้ชัด ทั้งนี้ เวชภัณฑ์ก็ไม่ใช่ยาจึงเป็นเพียงแค่ผลิตภัณฑ์ที่มีจุดประสงค์เกี่ยวกับความสวยงาม

เครื่องสำอาง คืออะไร

เครื่องสำอาง (Cosmetics) คือ ผลิตภัณฑ์การดูแลผิว ที่มีคุณสมบัติในการทำความสะอาดผิว ไม่ว่าจะเป็น การขัด นวด ทา ถู พอก และอีกหลากหลายรูปแบบ เพื่อให้ผิวพรรณสวยงาม โดยเครื่องสำอางมีคุณสมบัติสามารถช่วยปกปิดปัญหาผิวบนในหน้าได้ ไม่ว่าจะเป็น สิว ฝ้ากระ และจุดด่างดำ แต่เครื่องสำอางไม่สามารถช่วยรักษา บำบัด บรรเทา หรือมีฤทธิ์ในการรักษา และทำให้เกิดการเปลี่ยนบนผิวหนังได้

เวชสําอาง กับ เครื่องสําอาง ต่างกันอย่างไร

จากคำถามที่ว่า “เวชสำอาง” และ “เครื่องสำอาง” มีความแตกต่างกันอย่างไร เราจึงได้สรุปเพื่อสามารถเข้าใจง่าย ๆ ดังนี้

  • เวชสำอาง

ผลิตภัณฑ์ที่เน้นเรื่องการรักษาปัญหาเฉพาะจุด โดยไม่เน้นเพื่อความสวยความงาม ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์ที่เน้นผลลัพธ์ในการดูแลผิวอย่างล้ำลึก มีสารออกฤทธิ์ในระดับความเข้มข้น และสารเหล่านี้ก็ได้ผ่านการพิสูจน์จากสถาบันการวิจัยแล้วว่ามีผลดีต่อผิวหนังจริง ๆ โดยสารออกฤทธิ์ผสมมาให้ก็จะสามารถซึมเข้าสู่ผิวหนังชั้นลึกของผิวได้ จึงทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงแก่ผิวอย่างชัดเจนและให้ผลลัพธ์ระยะยาว

  • เครื่องสำอาง

ผลิตภัณฑ์ที่เน้นเพื่อความสวยความงามเท่านั้น ด้วยกลไกการทำงานที่เน้นเป็นการบำรุงเห็นผลได้ค่อนข้างช้ากว่าเวชสำอาง เนื่องจากเครื่องสำอางไม่มีสารออกฤทธิ์ที่เป็นประโยชน์ต่อสุขภาพผิว และไม่สามารถซึมผ่านผิวหนังชั้นนอกเพื่อเข้าถึงผิวหนังที่ลึกลงไปได้ จึงไม่สามารถเปลี่ยนแปลงแก่ผิวได้ ทั้งนี้ การใช้เครื่องสำอางจะเห็นผลลัพธ์เพียงชั่วคราวเท่านั้น

ประเภทของเวชสำอาง

เมื่อรู้กันแล้วว่าเวชสำอางคือ การผสมผสานระหว่างเครื่องสำอางและผลิตภัณฑ์ยา แต่ก็ไม่ใช่ยาสักทีเดียว และยังมีความคล้ายคลึงกับสกินแคร์ดูแลผิวทั่วไป เพียงแต่ว่าเวชสำอางจะเน้นแก้ปัญหาเฉพาะจุดได้ดีกว่าสกินแคร์ โดยเวชสำอางสามารถแบ่งออกเป็น 3 ประเภท ดังนี้

1. เวชสำอางเพื่อทำความสะอาดผิว

ผลิตภัณฑ์เวชสำอางทำความสะอาดผิว เน้นการทำความสะอาดผิวได้อย่างล้ำลึก มีตั้งแต่ Cleansing ประเภทต่าง ๆ ทั้งแบบ Cleansing Water, Cleansing Oil, Micellar Water และ Cleansing Milk ซึ่งใช้เพื่อในการลบเครื่องสำอางหรือสิ่งสกปรกบนใบหน้า นอกจากนี้ยังมี Cleanser ผลิตภัณฑ์ล้างทำความสะอาดผิวหน้าที่มีให้ทั้งแบบโฟมหรือเจล และยังผลิตสูตรต่าง ๆ เพื่อตอบโจทย์ทุกปัญหาสภาพผิว เช่น โฟมล้างหน้าสำหรับคนที่ผิวมัน ผิวผสม ผิวแห้ง หรือผิวบอบบาง เป็นต้น

2. เวชสำอางเพื่อปรับสภาพผิว

เมื่อทำความสะอาดผิวหน้าแล้ว สิ่งต่อมาคือการปรับสภาพผิว โดยเวชสำอางเพื่อปรับสภาพผิว เช่น โทนเนอร์ (Toner) ใช้เพื่อปรับสภาพผิวหน้าก่อนลงครีมบำรุง ซึ่งจะช่วยให้ผิวหน้ามีความสมดุลพร้อมรับสารอาหารต่าง ๆ และยังใช้ตรวจสอบความสะอาดของผิวในขั้นตอนสุดท้ายได้อีกว่าผิวหน้าสะอาดดีหรือยัง โดยโทนเนอร์ก็จะแบ่งออกเป็นประเภทต่าง ๆ เพื่อตอบโจทย์ทุกปัญหาสภาพผิว นอกจากนี้เวชสำอางเพื่อปรับสภาพผิว ยังมีอีกตัวนั่นก็คือ เอสเซ้นส์ (Essence) หรือเรียกว่า “น้ำตบ” มีคุณสมบัติช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นให้กับผิว และยังช่วยผลัดเซลล์ผิวได้ด้วย

3. เวชสำอางเพื่อการบำรุงผิว

ผลิตภัณฑ์เวชสำอางเพื่อการบำรุงผิว เช่น เซรั่ม (Serum), มอยส์เจอร์ไรเซอร์ (Moisturizer) และครีมกันแดด ซึ่งผลิตภัณฑ์เหล่านี้จะมาในสูตรที่เข้มข้นมากกว่าครีมบำรุงผิวทั่วไป หรือถ้าเป็นครีมกันแดด จะมีส่วนผสมของยาที่ช่วยปกป้องแดดได้จริง ๆ รวมถึงผลิตภัณฑ์สำหรับรักษาสิว ก็จะจัดอยู่ในกลุ่มเพื่อการบำรุงผิวด้วยเช่นกัน ซึ่งตัวครีมแต้มสิว จะมีตัวยาที่ช่วยให้สิวยุบ ลดการอักเสบ ทำให้เห็นผลลัพธ์ได้รวดเร็ว

ผลิตภัณฑ์เวชสำอางมีอะไรบ้าง

โดยผลิตภัณฑ์เวชสำอางที่ผลิตวางจำหน่ายทั่วไปนั้น ได้แบ่งเป็น 2 ประเภทหลัก ๆ ได้แก่ ผลิตภัณฑ์เวชสำอางประเภทเครื่องสำอาง และผลิตภัณฑ์เวชสำอางประเภทยา มีรายละเอียดดังนี้

ผลิตภัณฑ์เวชสำอางประเภทเครื่องสำอาง

  • ผลิตภัณฑ์ระงับกลิ่นกาย (Antiperspirant)
  • ผลิตภัณฑ์ประเภทยาสีฟันที่ผสมฟลูออไรด์ ป้องกันฟันผุ
  • ผลิตภัณฑ์ประเภทยาสระผม หรือผลิตภัณฑ์ที่ช่วยขจัดรังแคได้
  • ผลิตภัณฑ์ที่สามารถป้องกันอันตรายจากแสงแดด เช่น ครีมกันแดด

ผลิตภัณฑ์เวชสำอางประเภทยา

  • ผลิตภัณฑ์เสริมทรวงอก
  • ผลิตภัณฑ์ช่วยรักษาอาการผิวหนังอักเสบ แก้อาการคัน ผื่นแพ้
  • ผลิตภัณฑ์แก้ปัญหาฝ้า มีส่วนผสมของ Azelaic Acid, Hydroquinone
  • ผลิตภัณฑ์แก้ปัญหาสิว มีส่วนผสมของ Antibiotics, Benzoyl Peroxide , Retinoic Acid
  • ผลิตภัณฑ์ปรับเปลี่ยนสีผิว ผลิตภัณฑ์ในช่องปาก หรือผลิตภัณฑ์ยาแก้ปวดฟัน เช่น ระงับเชื้อ แก้ปวดฟัน รำมะนาด เลือดออกตามไรฟัน ที่มีส่วนผสมของ Antibacterial Agent
  • ผลิตภัณฑ์ปลูกผม ยับยั้งผมร่วง หรือสร้างเส้นผมใหม่ ซึ่งจะมีส่วนผสมของสาร Minoxidil
  • ผลิตภัณฑ์ที่ใช้สำหรับฉีดหรือกินเข้าสู่ร่างกาย (Injectable form) เช่น Botox cosmetic

ข้อดีของเวชสำอาง

  • ช่วยแก้ปัญหาได้อย่างตรงจุด
  • หากใช้สม่ำเสมอจะสามารถเปลี่ยนแปลงในระดับเซลล์ผิวในระยะยาวได้
  • ผลิตภัณฑ์เวชสำอางสกัดมาจากธรรมชาติ ไม่ก่อให้เกิดอาการแพ้และการระคายเคืองต่อผิว
  • รักษาดูแลฟื้นฟูผิวได้อย่างมีประสิทธิภาพ และปกป้องจากมลภาวะต่าง ๆ เน้นการบำรุงผิว
  • ผลิตภัณฑ์เวชสำอางจะได้รับการพัฒนาทางวิทยาศาสตร์ จึงทำให้เห็นผลลัพธ์ที่ดีและรวดเร็ว

ข้อเสียของเวชสำอาง

  • ราคาสูงกว่าผลิตภัณฑ์ทั่วไป
  • อาจเกิดการระคายเคืองต่อผิว เนื่องจากมีสารออกฤทธิ์ต่าง ๆ ในปริมาณสูง

ใช้เวชสำอางแล้วมีอาการแพ้ได้น้อยกว่าเครื่องสำอางจริงไหม?

หลายคนมักจะเข้าใจผิดมาตลอดกันว่า ถ้าใช้ผลิตภัณฑ์เวชสำอางแล้วอาการแพ้ได้น้อยกว่าเครื่องสำอาง จริง ๆ แล้วเป็นสิ่งที่เข้าใจผิดกันมาตลอด เนื่องจากอาการแพ้ที่เกิดขึ้นนั้นจะอยู่กับสภาพผิวแต่ละบุคคล ไม่ว่าจะเป็นผลิตภัณฑ์เวชสำอาง หรือ เครื่องสำอาง ก็มีโอกาสแพ้ได้เหมือนกัน ถึงแม้ว่าจะผลิตภัณฑ์ที่ผ่านผลการทดสอบในกลุ่มคนที่มีผิวแพ้ง่ายมาแล้วก็ตาม ดังนั้น จึงไม่สามารถบอกได้ว่าถ้าซื้อผลิตภัณฑ์เวชสำอางมาใช้แล้วจะไม่มีอาการแพ้

การเลือกใช้เวชสำอางให้เหมาะสมกับสภาพผิวตัวเอง

ปัจจุบันมีผลิตภัณฑ์เวชสำอางหลากหลายแบรนด์ แนะนำให้เลือกเวชสำอางที่เหมาะกับจุดประสงค์ว่าต้องการจะใช้เพื่ออะไร เช่น บำรุงผิว แก้ปัญหาผิว รักษาสิว เป็นต้น ดังนั้น ใครสนใจเวชสำอางตัวไหน ก็ควรต้องศึกษาหาข้อมูลเสียก่อนว่ามีส่วนผสมอะไรบ้าง แนะนำควรเลือกที่ใช้สารสกัดจากธรรมชาติมากขึ้น ได้มาตรฐาน หรือได้รับการรับรองจากหน่วยงานที่มีความน่าเชื่อถือ และได้รับการรับรองคุณภาพมาตรฐานจาก อย. เพื่อความปลอดภัยในการใช้นั่นเอง

หลังจากอ่านบทความนี้แล้ว ทุกคนก็คงแยกออกกันแล้วใช่ไหมว่าระหว่าง เวชสําอาง กับ เครื่องสําอาง ต่างกันอย่างไร คราวนี้เวลาไปเลือกซื้อผลิตภัณฑ์ครีมบำรุงผิวได้ตรงกับจุดประสงค์ที่ต้องการ และสามารถแก้ไขปัญหาผิวได้อย่างถูกต้อง แต่มีสิ่งหนึ่งที่ต้องเข้าใจก่อนว่าถ้าอยากเห็นผลลัพธ์ควรต้องใช้อย่างสม่ำเสมอ และจะต้องใช้ครีมกันแดดทุกวัน เพื่อป้องกันการเกิดริ้วรอยก่อนวัยและรอยดำต่าง ๆ ส่วนใครที่กำลังวางแผนสร้างผลิตภัณฑ์แบรนด์ของตัวเอง สามารถได้ที่ อาร์ แอนด์ ดี อินเตอร์ แมนูแฟคเจอริ่ง ให้บริการตั้งแต่เริ่มวางแผน ออกแบบ ทำการวิจัยและพัฒนาสินค้า จนถึงขั้นผลิตสินค้าออกวางจำหน่าย พร้อมโปรโมตและขายสินค้าให้อีกด้วย

สามารถทดลองประสิทธิภาพของผลิตภัณฑ์ได้แล้ววันนี้ ที่โรงงานผลิตเครื่องสำอาง R&D Inter

โทร 034-440-258

บทความที่เกี่ยวข้อง

สาระน่ารู้สำหรับเจ้าของแบรนด์

30 แคปชั่นขายครีมโดนๆ ไว้โพสต์ขายของปี 2023

ในยุคที่การตลาดออนไลน์กลายเป็นตลาดสุดร้อนแรงทั้งในเรื่องปริมาณผู้บริโภคที่เข้ามาในตลาดอย่างต่อเนื่องและการแข่งขันของผู้ขายอย่างดุเดือดเนื่องจากมีจำนวนร้านค้าอออนไลน์เพิ่มขึ้นแบบก้าวกระโดดด้วยขอบเขตรายได้ที่ค่อนข้างสูงหาสามารถเข้ามาตีตลาดได้สำเร็จโดยเฉพาะธุรกิจเครื่องสำอางซึ่งวันนี้จะนำเสนอในมุมมองของการขายครีมว่าขายครีมยังไงให้ปัง พร้อมแคปชั่นขายครีมแบบสับ ๆ มัดใจลูกค้าให้สั่งซื้อกันจุก ๆ แคปชั่น (Caption) เป็นคำบรรยายสั้น ๆ ที่ใช้สื่อสารถึงสิ่งนั้น ๆ ซึ่งในแง่ของการขายสินค้าแคปชั่นคงไม่ต่างจากการแนะนำสินค้า โฆษณาสิ่งของควบคู่ไปกับภาพสินค้าสวย ๆ เพื่อเรียกความสนใจจากลูกค้าให้เขาหยุดอ่านดูเพื่อเพิ่มโอกาสในการซื้อสินค้า 30 แคปชั่นขายครีมโดนๆ เป็นแม่ค้า พ่อค้าออนไลน์ในยุคนี้ จะคิดแคปชั่นโพสต์แต่ละทีก็กินเวลาไปหลายนาทีเพราะกลัวซ้ำ ไม่ถูกใจลูกค้า หรือจะไม่มีใครมากดไลค์ซึ่งเราได้รวบรวม 30 แคปชั่นขายครีมโดนๆ มาฝาก

สาระน่ารู้สำหรับเจ้าของแบรนด์

อยากทําแบรนด์ของตัวเองต้องเริ่มยังไงให้ปัง กำไรเยอะ

อาชีพที่หลายคนอาจใฝ่ฝันคือการก้าวสู่การเป็นเจ้าของธุรกิจ (Owner Business) ซึ่งอาจจะไม่ใช่เรื่องง่าย แต่ก็ทำได้หากอยากลงมือทำซึ่งในวันนี้เอาใจคนที่มีฝันอยากสร้างแบรนด์ตัวเองผ่านการเผยสูตรเคล็ดลับการเริ่มต้นสร้างธุรกิจ ว่ามีกลยุทธ์ใดบ้างที่ต้องรู้และต้องเตรียมความพร้อมอย่างไรซึ่งอย่ารอช้า! ไปเริ่มกันเลย 9 กลยุทธ์เริ่มต้นสร้างแบรนด์สู่ความสำเร็จ เผย 9 กลยุทธ์สู่ความสำเร็จซึ่งจะมีปัจจัยใดบ้างที่น่าสนใจเพื่อเอาใจมือใหม่ที่กำลังเริ่มต้นสร้างของตัวเอง ก่อนจะเริ่มทำแบรนด์ก็ต้องรู้จักกลุ่มเป้าหมายกันก่อนว่าสินค้าที่เราจะทำออกมาสู่ตลาดเหมาะกับคนกลุ่มไหน หรือมองเห็นโอกาสจากคนกลุ่มไหนซึ่งก็จะต้องมาศึกษาหาข้อมูล Insight กันเพิ่มเติมเพื่อตีกลุ่มเป้าหมายให้แตก เมื่อรู้กลุ่มเป้าหมาย ได้สินค้าที่ต้องการผลิตออกมาจำหน่ายแล้วก็ต้องออกไปสำรวจตลาดว่ามีแนวโน้มธุรกิจเป็นอย่างไร พอจะเป็นไปได้ไหม จำนวนคนขายสินค้าประเภทนี้มีมากน้อยเพียงใด หากผลิตสินค้าออกมาจะสามารถตีตลาดได้ไหม จุดแข็งจุดอ่อนของคู่แข่งทางธุรกิจมีอะไรบ้างโดยนำไปเปรียบเทียบและทำการวิเคราะห์เพื่อนำไปวางกลยุทธ์ต่อไป เมื่อเราเริ่มเข้าใจตลาดเบื้องต้นแล้วและมองเห็นว่าธุรกิจไปได้ ลำดับต่อไปก็ลองมาร่างแผนธุรกิจ (Business

สาระน่ารู้สำหรับเจ้าของแบรนด์

เปิด 5 เว็บไซต์ออกแบบโลโก้สุดปังทั้งแบบฟรี และมีค่าใช้จ่ายในปั 2023

การสร้างแบรนด์ นอกจากลงเงินแล้วยังต้องสร้างภาพลักษณ์ที่ดีให้กลายเป็นที่จดจำด้วยสินค้าที่มีคุณภาพ ใส่ใจทุกความต้องการของลูกค้าซึ่ง ”โลโก้” ถือเป็นองค์ประกอบที่สำคัญของแบรนด์เพราะแสดงออกถึงการตัวตนของแบรนด์นั้น ๆ ที่สามารถออกแบบโลโก้ ออนไลน์ ฟรีได้ง่าย ๆ ผ่านเว็บไซต์เอาใจผู้ที่เริ่มต้นอยากทำแบรนด์เป็นของตัวเองได้ง่าย ๆ โลโก้ คืออะไร ทำไมถึงสำคัญต่อแบรนด์ เริ่มต้นกันที่คำนิยามของโลโก้ (Logo) ซึ่งเปรียบเสมือนสัญลักษณ์ หรือเครื่องหมายที่บ่งบอกถึงตัวตนของแบรนด์นั้น ๆ หรือเปรียบเทียบเป็นภาพจำ หากเห็นโลโก้แบรนด์นี้สื่อถึงอะไร โลโก้จึงเปรียบเสมือนผู้ที่ทำหน้าที่ในการสื่อสารความเป็นแบรนด์ออกไป พร้อมการบอกเล่าเรื่องราว สร้างความเชื่อมั่นและการจดจำไปตามกาลเวลา