บทความแนะนำ
มารู้จัก เวชสำอาง คืออะไร คุณสมบัติช่วยบำรุงผิวพรรณได้อย่างไรบ้าง
ปัจจุบันผลิตภัณฑ์เพื่อความสวยความงามมีหลากหลายประเภท จนบางครั้งไม่สามารถแยกออกได้ว่าผลิตภัณฑ์ที่ซื้อมาใช้ ไม่ว่าจะเป็น ผลิตภัณฑ์สกินแคร์ หรือ ครีมบำรุงผิว นั้นเป็นเวชสำอางหรือเครื่องสำอางกันแน่!! วันนี้เราก็เลยอยากมาอธิบายให้ทุกคนเข้าใจกันสักทีว่า เวชสําอาง คืออะไร เวชสําอาง มีอะไรบ้าง รวมถึงเวชสําอาง กับ เครื่องสําอาง ต่างกันอย่างไร คราวนี้ก็คงได้รู้แล้วว่าผลิตภัณฑ์ที่ใช้อยู่นั้นเป็นเวชสำอางหรือเครื่องสำอางกันแน่! ไปร่วมหาคำตอบพร้อมกันเลย
เวชสำอาง คืออะไร
เวชสำอาง (Cosmeceuticals) คือ ผลิตภัณฑ์ที่ได้ผสมผสานกันระหว่าง “เครื่องสำอาง” และ “ผลิตภัณฑ์ยา” มารวมกัน โดยเวชสำอางจะมีคุณสมบัติเดียวกับเครื่องสำอาง และยังมีสรรพคุณเหมือนกับยา ช่วยรักษาอาการผิดปกติที่เกิดขึ้นกับผิวต่าง ๆ เช่น ริ้วรอย สิว ฝ้ากระ และจุดด่างดำ ซึ่งเวชสำอางจะมีฤทธิ์ในการรักษา จึงช่วยจัดการปัญหาผิวได้อย่างตรงจุด ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงแก่ผิวพรรณอย่างเห็นได้ชัด ทั้งนี้ เวชภัณฑ์ก็ไม่ใช่ยาจึงเป็นเพียงแค่ผลิตภัณฑ์ที่มีจุดประสงค์เกี่ยวกับความสวยงาม
เครื่องสำอาง คืออะไร
เครื่องสำอาง (Cosmetics) คือ ผลิตภัณฑ์การดูแลผิว ที่มีคุณสมบัติในการทำความสะอาดผิว ไม่ว่าจะเป็น การขัด นวด ทา ถู พอก และอีกหลากหลายรูปแบบ เพื่อให้ผิวพรรณสวยงาม โดยเครื่องสำอางมีคุณสมบัติสามารถช่วยปกปิดปัญหาผิวบนในหน้าได้ ไม่ว่าจะเป็น สิว ฝ้ากระ และจุดด่างดำ แต่เครื่องสำอางไม่สามารถช่วยรักษา บำบัด บรรเทา หรือมีฤทธิ์ในการรักษา และทำให้เกิดการเปลี่ยนบนผิวหนังได้
เวชสําอาง กับ เครื่องสําอาง ต่างกันอย่างไร
จากคำถามที่ว่า “เวชสำอาง” และ “เครื่องสำอาง” มีความแตกต่างกันอย่างไร เราจึงได้สรุปเพื่อสามารถเข้าใจง่าย ๆ ดังนี้
- เวชสำอาง
ผลิตภัณฑ์ที่เน้นเรื่องการรักษาปัญหาเฉพาะจุด โดยไม่เน้นเพื่อความสวยความงาม ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์ที่เน้นผลลัพธ์ในการดูแลผิวอย่างล้ำลึก มีสารออกฤทธิ์ในระดับความเข้มข้น และสารเหล่านี้ก็ได้ผ่านการพิสูจน์จากสถาบันการวิจัยแล้วว่ามีผลดีต่อผิวหนังจริง ๆ โดยสารออกฤทธิ์ผสมมาให้ก็จะสามารถซึมเข้าสู่ผิวหนังชั้นลึกของผิวได้ จึงทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงแก่ผิวอย่างชัดเจนและให้ผลลัพธ์ระยะยาว
- เครื่องสำอาง
ผลิตภัณฑ์ที่เน้นเพื่อความสวยความงามเท่านั้น ด้วยกลไกการทำงานที่เน้นเป็นการบำรุงเห็นผลได้ค่อนข้างช้ากว่าเวชสำอาง เนื่องจากเครื่องสำอางไม่มีสารออกฤทธิ์ที่เป็นประโยชน์ต่อสุขภาพผิว และไม่สามารถซึมผ่านผิวหนังชั้นนอกเพื่อเข้าถึงผิวหนังที่ลึกลงไปได้ จึงไม่สามารถเปลี่ยนแปลงแก่ผิวได้ ทั้งนี้ การใช้เครื่องสำอางจะเห็นผลลัพธ์เพียงชั่วคราวเท่านั้น
ประเภทของเวชสำอาง
เมื่อรู้กันแล้วว่าเวชสำอางคือ การผสมผสานระหว่างเครื่องสำอางและผลิตภัณฑ์ยา แต่ก็ไม่ใช่ยาสักทีเดียว และยังมีความคล้ายคลึงกับสกินแคร์ดูแลผิวทั่วไป เพียงแต่ว่าเวชสำอางจะเน้นแก้ปัญหาเฉพาะจุดได้ดีกว่าสกินแคร์ โดยเวชสำอางสามารถแบ่งออกเป็น 3 ประเภท ดังนี้
1. เวชสำอางเพื่อทำความสะอาดผิว
ผลิตภัณฑ์เวชสำอางทำความสะอาดผิว เน้นการทำความสะอาดผิวได้อย่างล้ำลึก มีตั้งแต่ Cleansing ประเภทต่าง ๆ ทั้งแบบ Cleansing Water, Cleansing Oil, Micellar Water และ Cleansing Milk ซึ่งใช้เพื่อในการลบเครื่องสำอางหรือสิ่งสกปรกบนใบหน้า นอกจากนี้ยังมี Cleanser ผลิตภัณฑ์ล้างทำความสะอาดผิวหน้าที่มีให้ทั้งแบบโฟมหรือเจล และยังผลิตสูตรต่าง ๆ เพื่อตอบโจทย์ทุกปัญหาสภาพผิว เช่น โฟมล้างหน้าสำหรับคนที่ผิวมัน ผิวผสม ผิวแห้ง หรือผิวบอบบาง เป็นต้น
2. เวชสำอางเพื่อปรับสภาพผิว
เมื่อทำความสะอาดผิวหน้าแล้ว สิ่งต่อมาคือการปรับสภาพผิว โดยเวชสำอางเพื่อปรับสภาพผิว เช่น โทนเนอร์ (Toner) ใช้เพื่อปรับสภาพผิวหน้าก่อนลงครีมบำรุง ซึ่งจะช่วยให้ผิวหน้ามีความสมดุลพร้อมรับสารอาหารต่าง ๆ และยังใช้ตรวจสอบความสะอาดของผิวในขั้นตอนสุดท้ายได้อีกว่าผิวหน้าสะอาดดีหรือยัง โดยโทนเนอร์ก็จะแบ่งออกเป็นประเภทต่าง ๆ เพื่อตอบโจทย์ทุกปัญหาสภาพผิว นอกจากนี้เวชสำอางเพื่อปรับสภาพผิว ยังมีอีกตัวนั่นก็คือ เอสเซ้นส์ (Essence) หรือเรียกว่า “น้ำตบ” มีคุณสมบัติช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นให้กับผิว และยังช่วยผลัดเซลล์ผิวได้ด้วย
3. เวชสำอางเพื่อการบำรุงผิว
ผลิตภัณฑ์เวชสำอางเพื่อการบำรุงผิว เช่น เซรั่ม (Serum), มอยส์เจอร์ไรเซอร์ (Moisturizer) และครีมกันแดด ซึ่งผลิตภัณฑ์เหล่านี้จะมาในสูตรที่เข้มข้นมากกว่าครีมบำรุงผิวทั่วไป หรือถ้าเป็นครีมกันแดด จะมีส่วนผสมของยาที่ช่วยปกป้องแดดได้จริง ๆ รวมถึงผลิตภัณฑ์สำหรับรักษาสิว ก็จะจัดอยู่ในกลุ่มเพื่อการบำรุงผิวด้วยเช่นกัน ซึ่งตัวครีมแต้มสิว จะมีตัวยาที่ช่วยให้สิวยุบ ลดการอักเสบ ทำให้เห็นผลลัพธ์ได้รวดเร็ว
ผลิตภัณฑ์เวชสำอางมีอะไรบ้าง
โดยผลิตภัณฑ์เวชสำอางที่ผลิตวางจำหน่ายทั่วไปนั้น ได้แบ่งเป็น 2 ประเภทหลัก ๆ ได้แก่ ผลิตภัณฑ์เวชสำอางประเภทเครื่องสำอาง และผลิตภัณฑ์เวชสำอางประเภทยา มีรายละเอียดดังนี้
ผลิตภัณฑ์เวชสำอางประเภทเครื่องสำอาง
- ผลิตภัณฑ์ระงับกลิ่นกาย (Antiperspirant)
- ผลิตภัณฑ์ประเภทยาสีฟันที่ผสมฟลูออไรด์ ป้องกันฟันผุ
- ผลิตภัณฑ์ประเภทยาสระผม หรือผลิตภัณฑ์ที่ช่วยขจัดรังแคได้
- ผลิตภัณฑ์ที่สามารถป้องกันอันตรายจากแสงแดด เช่น ครีมกันแดด
ผลิตภัณฑ์เวชสำอางประเภทยา
- ผลิตภัณฑ์เสริมทรวงอก
- ผลิตภัณฑ์ช่วยรักษาอาการผิวหนังอักเสบ แก้อาการคัน ผื่นแพ้
- ผลิตภัณฑ์แก้ปัญหาฝ้า มีส่วนผสมของ Azelaic Acid, Hydroquinone
- ผลิตภัณฑ์แก้ปัญหาสิว มีส่วนผสมของ Antibiotics, Benzoyl Peroxide , Retinoic Acid
- ผลิตภัณฑ์ปรับเปลี่ยนสีผิว ผลิตภัณฑ์ในช่องปาก หรือผลิตภัณฑ์ยาแก้ปวดฟัน เช่น ระงับเชื้อ แก้ปวดฟัน รำมะนาด เลือดออกตามไรฟัน ที่มีส่วนผสมของ Antibacterial Agent
- ผลิตภัณฑ์ปลูกผม ยับยั้งผมร่วง หรือสร้างเส้นผมใหม่ ซึ่งจะมีส่วนผสมของสาร Minoxidil
- ผลิตภัณฑ์ที่ใช้สำหรับฉีดหรือกินเข้าสู่ร่างกาย (Injectable form) เช่น Botox cosmetic
ข้อดีของเวชสำอาง
- ช่วยแก้ปัญหาได้อย่างตรงจุด
- หากใช้สม่ำเสมอจะสามารถเปลี่ยนแปลงในระดับเซลล์ผิวในระยะยาวได้
- ผลิตภัณฑ์เวชสำอางสกัดมาจากธรรมชาติ ไม่ก่อให้เกิดอาการแพ้และการระคายเคืองต่อผิว
- รักษาดูแลฟื้นฟูผิวได้อย่างมีประสิทธิภาพ และปกป้องจากมลภาวะต่าง ๆ เน้นการบำรุงผิว
- ผลิตภัณฑ์เวชสำอางจะได้รับการพัฒนาทางวิทยาศาสตร์ จึงทำให้เห็นผลลัพธ์ที่ดีและรวดเร็ว
ข้อเสียของเวชสำอาง
- ราคาสูงกว่าผลิตภัณฑ์ทั่วไป
- อาจเกิดการระคายเคืองต่อผิว เนื่องจากมีสารออกฤทธิ์ต่าง ๆ ในปริมาณสูง
ใช้เวชสำอางแล้วมีอาการแพ้ได้น้อยกว่าเครื่องสำอางจริงไหม?
หลายคนมักจะเข้าใจผิดมาตลอดกันว่า ถ้าใช้ผลิตภัณฑ์เวชสำอางแล้วอาการแพ้ได้น้อยกว่าเครื่องสำอาง จริง ๆ แล้วเป็นสิ่งที่เข้าใจผิดกันมาตลอด เนื่องจากอาการแพ้ที่เกิดขึ้นนั้นจะอยู่กับสภาพผิวแต่ละบุคคล ไม่ว่าจะเป็นผลิตภัณฑ์เวชสำอาง หรือ เครื่องสำอาง ก็มีโอกาสแพ้ได้เหมือนกัน ถึงแม้ว่าจะผลิตภัณฑ์ที่ผ่านผลการทดสอบในกลุ่มคนที่มีผิวแพ้ง่ายมาแล้วก็ตาม ดังนั้น จึงไม่สามารถบอกได้ว่าถ้าซื้อผลิตภัณฑ์เวชสำอางมาใช้แล้วจะไม่มีอาการแพ้
การเลือกใช้เวชสำอางให้เหมาะสมกับสภาพผิวตัวเอง
ปัจจุบันมีผลิตภัณฑ์เวชสำอางหลากหลายแบรนด์ แนะนำให้เลือกเวชสำอางที่เหมาะกับจุดประสงค์ว่าต้องการจะใช้เพื่ออะไร เช่น บำรุงผิว แก้ปัญหาผิว รักษาสิว เป็นต้น ดังนั้น ใครสนใจเวชสำอางตัวไหน ก็ควรต้องศึกษาหาข้อมูลเสียก่อนว่ามีส่วนผสมอะไรบ้าง แนะนำควรเลือกที่ใช้สารสกัดจากธรรมชาติมากขึ้น ได้มาตรฐาน หรือได้รับการรับรองจากหน่วยงานที่มีความน่าเชื่อถือ และได้รับการรับรองคุณภาพมาตรฐานจาก อย. เพื่อความปลอดภัยในการใช้นั่นเอง
หลังจากอ่านบทความนี้แล้ว ทุกคนก็คงแยกออกกันแล้วใช่ไหมว่าระหว่าง เวชสําอาง กับ เครื่องสําอาง ต่างกันอย่างไร คราวนี้เวลาไปเลือกซื้อผลิตภัณฑ์ครีมบำรุงผิวได้ตรงกับจุดประสงค์ที่ต้องการ และสามารถแก้ไขปัญหาผิวได้อย่างถูกต้อง แต่มีสิ่งหนึ่งที่ต้องเข้าใจก่อนว่าถ้าอยากเห็นผลลัพธ์ควรต้องใช้อย่างสม่ำเสมอ และจะต้องใช้ครีมกันแดดทุกวัน เพื่อป้องกันการเกิดริ้วรอยก่อนวัยและรอยดำต่าง ๆ ส่วนใครที่กำลังวางแผนสร้างผลิตภัณฑ์แบรนด์ของตัวเอง สามารถได้ที่ อาร์ แอนด์ ดี อินเตอร์ แมนูแฟคเจอริ่ง ให้บริการตั้งแต่เริ่มวางแผน ออกแบบ ทำการวิจัยและพัฒนาสินค้า จนถึงขั้นผลิตสินค้าออกวางจำหน่าย พร้อมโปรโมตและขายสินค้าให้อีกด้วย
สามารถทดลองประสิทธิภาพของผลิตภัณฑ์ได้แล้ววันนี้ ที่โรงงานผลิตเครื่องสำอาง R&D Inter
โทร 034-440-258
30 แคปชั่นขายครีมโดนๆ ไว้โพสต์ขายของปี 2023
อยากทําแบรนด์ของตัวเองต้องเริ่มยังไงให้ปัง กำไรเยอะ
เปิด 5 เว็บไซต์ออกแบบโลโก้สุดปังทั้งแบบฟรี และมีค่าใช้จ่ายในปั 2023
เปิดลิสต์รายชื่อเครื่องสําอางอันตราย พร้อมเคล็ดลับการเลือกซื้อเครื่องสำอางให้ปลอดภัย
สารสกัดคาโมมายล์ สรรพคุณอัดแน่น ช่วยผ่อนคลาย เสริมสุขภาพแข็งแรง
ปัจจุบันผู้คนให้ความสนใจเรื่องการดูแลสุขภาพ ใส่ใจการเลือกรับประทานอาหารที่ดีมีประโยชน์มากขึ้น และมีการนำสมุนไพรที่มีผลต่อการทำงานของร่างกาย มาเป็นส่วนประกอบในการทำอาหาร เพื่อช่วยบำรุงสุขภาพให้แข็งแรง การใช้ผลิตภัณฑ์และสารสกัดจากธรรมชาติ ค่อนข้างมีความปลอดภัย ไม่มีพิษต่อสุขภาพ และหนึ่งในพืชสมุนไพรที่หลายคนรู้จักกันดีทั่วโลก และนิยมนำมาใช้เพื่อประโยชน์ทางด้านสุขภาพนั่นก็คือ คาโมมายล์ (Chamomile) วันนี้เราจึงอาสาพาทุกคนมาทำความรู้จัก Chamomile Extract คือ มีสรรพคุณอะไรบ้าง แล้วสารสกัดคาโมมายล์ ข้อดี ข้อเสีย สามารถนำสารสกัดคาโมมายล์ ทําอะไรได้บ้าง ทุกเรื่องราวเกี่ยวกับ สารสกัดคาโมมายล์ หาคำตอบได้ที่นี่ Chamomile Extract คืออะไร คาโมมายล์ หรือ Chamomile คือ พืชสมุนไพรชนิดหนึ่งที่นำมาใช้รักษาโรคภัยต่าง ๆ นิยมใช้กันตั้งแต่สมัยโบราณ โดยดอกคาโมมายล์ จัดเป็นพืชในวงค์เดียวกันกับ ดาวเรือง และ ดาวกระจาย สามารถนำมาใช้ได้ทั้งภายนอกและภายใน สารสกัดคาโมมายล์ สรรพคุณและประโยชน์ที่มีต่อสุขภาพ ต้องบอกว่าดอกคาโมมายล์ หรือ Chamomile คือ มีสรรพคุณมากมาย สามารถนำมาใช้ได้ทั้งภายนอกและภายใน จึงทำให้สารสกัดคาโมมายล์เป็นที่นิยม
อยากสร้างแบรนด์เครื่องสำอางต้องลงทุนเท่าไร และเลือกแหล่งผลิตที่ไหนดี
หลายคนอาจมีความฝันอยากเป็นนักธุรกิจ หรืออยากทําแบรนด์เครื่องสําอางเป็นของตนเองแต่ไม่รู้ว่าจะเริ่มต้นอย่างไรดี ในบทความนี้เราได้รวบรวมเทคนิคและเคล็ดต่าง ๆ สำหรับคนที่ต้องการเป็นเจ้าของแบรนด์ผ่าน 7 ขั้นตอนในการเริ่มต้น พร้อมการหาความรู้เพิ่มเติม การกำหนดงบและการเลือกแหล่งผลิตเครื่องสำอางเพื่อช่วยให้คุณเข้าใจธุรกิจมากขึ้นก่อนลงมือทำ 7 ขั้นตอนสู่การเริ่มต้นเป็นเจ้าของแบรนด์เครื่องสำอาง นอกจากนี้ ไม่ลืมที่จะติดตามยอดขาย เพิ่มการวิเคราะห์พฤติกรรม รวมถึงศึกษาแนวโน้มการตลาดเพื่อเจาะกลุ่มลูกค้าใหม่ ๆ แต่ลูกค้ายังคงภักดีต่อแบรนด์สินค้าเพื่ออัพเซลล์สินค้าให้มียอดพุ่งสร้างกำไรให้แก่แบรนด์ แต่ยังอยู่บนพื้นฐานของความซื่อสัตย์ต่อผู้บริโภค อยากทําแบรนด์เครื่องสําอางต้องเรียนอะไร? หากยังไม่มั่นใจการลงคอร์สเรียนถือเป็นการศึกษาที่ได้ทดลองทำจริงตั้งแต่เริ่มต้นไปจนถึงการออกมาเป็นผลิตภัณฑ์ซึ่งมีให้เลือกเรียนหลายแบบ อาทิเช่น คอร์สเรียนทำลิปสติก คอร์สเรียนทำเครื่องสำอาง คอร์สเรียนทำผลิตภัณฑ์บำรุงผิวหน้า คอร์สเรียนทำผลิตภัณฑ์บำรุงผิวกาย แต่ถ้าอยากเพิ่มความรวดเร็ว ไม่เสียเวลาและได้คำแนะนำจากผู้ใช้งานจริงแนะนำให้ปรึกษาโรงงาน rd-intermanu เนื่องจากมีความรู้เฉพาะทาง มีประสบการณ์จริง ให้คำปรึกษาได้ตรงจุดและลดระยะเวลาการสร้างแบรนด์ทำให้คุณสามารถผลิตสินค้าเพื่อออกจำหน่ายสร้างผลกำไรได้เร็วกว่าศึกษาเอง 3 เรื่องงบที่คุณต้องรู้ก่อนเริ่มทําแบรนด์เครื่องสําอาง เรื่องงบเป็นเรื่องที่ต้องให้ความสำคัญเนื่องจากเป็นส่วนที่ช่วยกำหนดกำไร-ขาดทุนได้โดยควรพิจารณางบ 3 ส่วนดังนี้ สิ่งที่อยากฝากสำหรับคนที่อยากเป็นเจ้าของแบรนด์ครีม อยากเป็นเจ้าของแบรนด์สครับผิว หรืออยากทําแบรนด์เครื่องสําอางควรพิจารณาและวางแผนงบแต่ละส่วนให้เหมาะสมเพื่อให้เกิดความคุ้มค่าสูงสุดในการดำเนินการ 5 โรงงานผลิตครีมเครื่องสำอางค์ดีสุดในปี 2022 ทิ้งท้ายด้วยลิสต์รายชื่อ 5 โรงงานผลิตเครื่องสำอางและครีมที่ดีสุดในปี 2022 ได้แก่ rd-intermanu บริษัทฯ ที่ได้รับการไว้วางใจจากลูกค้าเรื่องความปลอดภัยที่ผ่านการรับรองมาตรฐานจากสากล ต่อมาบริษัท คอสมินา จำกัด,
เช็กก่อนหน้าพัง! กับลิสต์สารต้องห้ามในเครื่องสำอาง
ในปัจจุบันคงปฏิเสธไม่ได้เลยว่าเครื่องสำอางเป็นเรื่องความสวยงามที่มีความจำเป็นต่อชีวิตประวันของใครหลายคน ไม่ว่าจะเป็นเพศไหน หรืออายุเท่าไรก็เริ่มหันมาดูแลเอาใจใส่ตนเองกันมากขึ้นจึงทำให้แบรนด์เครื่องสำอางผุดขึ้นมาค่อนข้างเยอะ การใช้ผลิตภัณฑ์เหล่านี้ผู้บริโภคจึงต้องระมัดระวังมากขึ้นซึ่งจะมีข้อสังเกตอะไรบ้าง พร้อมข้อควรรู้เกี่ยวกับอันตรายจากเครื่องสําอางจาก 8 สารต้องห้ามที่ใช้เป็นส่วนผสม 8 สารอันตรายในเครื่องสําอาง! เริ่มกันที่การนำคุณผู้อ่านมารู้จักกับ 8 สารอันตรายในเครื่องสำอางซึ่งแต่ละสารจะมีความเป็นพิษและส่งเสียต่อผู้บริโภคอย่างไร มาดูกัน เน้นย้ำอีกครั้งกับ 8 สารอันตรายในเครื่องสำอางซึ่งมี 5 สารจาก 8 สารที่ห้ามใช้โดยเด็ดขาดในผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางทุกชนิด ได้แก่ สารไฮโดรควิโนน ปรอทแอมโมเนีย กรดเรติโนอิก สารสเตียรอยด์และสารตะกั่ว เนื่องจากก่อให้เกิดอันตรายต่อผู้ใช้งานทันที หรือเมื่อหยุดใช้และยังส่งผลกระทบระยะยาวเมื่อใช้ติดต่อกันเป็นระยะเวลานาน เช่น ก่อให้เกิดโรคมะเร็ง โรคผิวหนัง หรือรุนแรงจนอาจถึงขั้นเสียชีวิต แต่สารอื่น ๆ ที่ไม่ได้อยู่ใน 5 สารข้างต้นที่กล่าวมา หากจัดอยู่ในเกณฑ์สารอันตรายก็ต้องมีการตรวจสอบสารว่าการนำไปผสมเครื่องสำอางค์ในปริมาณที่สูงกว่ามาตรฐานกำหนดหรือไม่ รวมถึงก่อนซื้อเครื่องสำอางค์ทุกครั้งให้หมั่นสังเกตลักษณะสี กลิ่น เนื้อครีม มาตรฐานผลิตภัณฑ์ การรับรองต่าง ๆ และแหล่งซื้อขายว่ามีความน่าเชื่อถือและปลอดภัยหรือไม่ โดยสามารถตรวจสอบเลขผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางได้ที่ สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา กระทรวงสาธารณสุข คำถามที่พบบ่อยและควรระมัดระวังในการซื้อเครื่องสำอาง อันตรายที่ต้องเจอ Q: เครื่องสำอางที่มีส่วนผสมของสารต้องห้ามใดที่มีผลทำให้ผิวขาวขึ้น ผิวขาวเป็นสิ่งที่สาว ๆ หลายคนใฝ่ฝันและต้องการให้เห็นผลไว แต่บางครั้งอาจแลกมาด้วยความเสี่ยงจากสารที่เป็นส่วนผสมต้องห้ามที่เสี่ยงต่อหน้าพังซึ่งได้แก่ สารไฮโดรควิโนน ปรอท กรดเรติโนอิก สารสเตียรอยด์และสารตะกั่ว รวมถึงกลุ่มสาร AHA และ
“เครื่องสำอางออร์แกนิค” เทรนด์ความงามยุคใหม่ที่ปลอดภัย ไร้สารอันตราย
ปัจจุบันผู้คนหันมาให้ความสนใจสุขภาพมากขึ้น รวมถึงกระแส ECO ที่ต้องการให้ผลิตภัณฑ์เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมทำให้เกิดแนวคิด “เครื่องสำอางออร์แกนิค” ออกมาในหลายประเทศ รวมถึงประเทศซึ่งกลายเป็นเทรนด์ความที่ได้รับความนิยมอย่างมากเนื่องจากตอบโจทย์เรื่องสุขภาพและความปลอดภัยซึ่งจะมีอะไรน่าสนใจอีกบ้าง โปรดติดตาม เครื่องสำอางออร์แกนิคนั้นคืออะไร? เครื่องสําอางออร์แกนิค (Organic) คือ ครีม โลชั่น รวมถึงเครื่องประทินผิวต่าง ๆ ที่ทำมาจากส่วนผสมจากธรรมชาติ เช่น พืช ดอกไม้ สมุนไพร น้ำมันหอมระเหย หรือจากสัตว์ เช่น ขี้ผึ้ง หรือแร่ธาตุต่าง ๆ ซึ่งนำใช้ผสมกับสารอื่น ๆ อาทิ สารกันบูด สารลดแรงตึงผิว หรือสารให้ความชุ่มชื่นเพื่อสร้างความพึงพอใจต่อผู้ใช้งานให้ตรงตามคุณสมบัติที่ต้องการ ความต่างของผลิตภัณฑ์ออร์แกนิค VS ผลิตภัณฑ์ธรรมชาติ จากข้างต้นจะเห็นได้ชัดว่าผลิตภัณฑ์ออแกนิค (Organic Product) คือ ผลิตภัณฑ์ที่มาจากธรรมชาติอย่างแท้จริงซึ่งจะไม่มีการปรุงแต่ง หรือปนเปื้อนของสารสังเคราะห์ที่เกิดจากการใช้เทคโนโลยี หรือนวัตกรรมที่มีสารเคมีแอบแฝงซึ่งวัตถุดิบและส่วนผสมมาจากเกษตรอินทรีย์และโดยจะไม่มีสารเคมีสังเคราะห์ในการผลิต หรือถ้าเจือปนก็น้อยมากซึ่งต้องมีปริมาณไม่เกิน 10% และท้ายที่สุดผลิตภัณฑ์ต้องผ่านการรับรองโดยองค์กรที่แต่งตั้งขึ้นโดยรัฐบาลในแต่ละประเทศ ในขณะที่ผลิตภัณฑ์ธรรมชาติ (Natural Product) จะเป็นส่วนหนึ่งของผลิตผลที่ได้จากธรรมชาติเท่านั้น เทียบข้อดี – ข้อเสียของเครื่องสำอางออร์แกนิค มาต่อกันที่ข้อดี –
รู้หรือไม่ สารสกัดธรรมชาติมีประโยชน์อย่างไร และเหมาะกับใครในการใช้งาน
ในชีวิตประจำวันเราต่างพบเจอกับผลิตภัณฑ์และเครื่องสำอางต่าง ๆ มากมายที่วางขายทั้งตามท้องตลาด ห้างสรรพสินค้า หรือตามแหล่งช้อปปิ้งออนไลน์ซึ่งบนฉลากมักจะมีการระบุถึงส่วนผสมที่สำคัญ โดยหนึ่งในนั้นก็คือ “สารสกัด” ที่ได้มาจากพืช ผัก ผลไม้ สมุนไพรและอื่น ๆ อีกมากมายโดยเราจะนำคุณผู้อ่านไปรู้จักกับสารสกัดมากขึ้นว่าคืออะไร มีกี่ประเภทและนำไปใช้งานอย่างไร สารสกัด คืออะไร? สารสกัด คือ สารที่ได้จากกระบวนการแยกสารสำคัญต่าง ๆ หรือสารที่ออกฤทธิ์จากพืช ผัก ผลไม้ สมุนไพร สัตว์และสัตว์ต่าง ๆ จากการใช้ตัวทำละลายที่เหมาะสมเพื่อทำการละลายออกมาจากเนื้อเยื่อซึ่ง มาต่อกันการแบ่งประเภทของสารสกัดจะแบ่งออกเป็น 2 ประเภทใหญ่ ๆ ดังนี้ สารสกัดจากธรรมชาตินั้นคืออะไร? สำหรับสารสกัดจากธรรมชาติ ภาษาอังกฤษเรียกว่า Natural Extract จะเป็นสารสำคัญ (Active Compounds) ที่สกัดจากพืชแท้จริงซึ่งออกฤทธิ์เฉพาะทางเท่านั้น โดยพืชแต่ละชนิดจะมีความพิเศษในการนำไปใช้ประโยชน์ทางสุขภาพและผิวพรรณต่างกันจึงถูกนำไปใช้ในผลิตภัณฑ์เสริมความงาม หรือสุขภาพ ประเภทของสารสกัดจากธรรมชาติ มีอะไรบ้าง ในปัจจุบันสารสกัดธรรมชาติมีให้เลือกหลากหลายชนิดขึ้นอยู่กับการนำไปใช้ประโยชน์ ดังนี้ จึงสรุปได้ว่าสารสกัดธรรมชาติ ประโยชน์ 4 ข้อใหญ่ ๆ ได้แก่ เป็นสารต้านอนุมูลอิสระ
ตลาดผู้สูงอายุที่สุดปัง แต่คนกลับมองข้าม !
รู้หรือไม่ว่าประเทศไทยเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุอย่างสมบูรณ์แล้ว อย่ารอช้าที่จะผลิตเครื่องสำอางสำหรับผู้สูงอายุ จากบทความหลายสำนักก็ได้กล่าวไว้ว่าในปี 2564 ประเทศไทยจะเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุอย่างสมบูรณ์ (aged society) โดยจะมีสัดส่วนผู้สูงอายุสูงถึงร้อยละ 20 ของจำนวนประชากรไทยทั้งหมด เมื่อเป็นเช่นนี้ใครหลายคนก็ต้องพอทราบอยู่แล้วว่าเราควรจะผลิตสินค้าเครื่องสำอางสำหรับผู้สูงอายุ และในหลายโรงงานผลิตเครื่องสำอางก็จะแนะนำให้ผลิตสินค้าลดเรือนริ้วรอย ซึ่งนั่นก็ไม่ได้เป็นเรื่องที่ผิด แต่หากศึกษาเข้าไปในใจของผู้บริโภคกลุ่มนี้อย่างแท้จริง เขาต้องการสินค้าที่ปลอดภัย สินค้าที่ผลิตมาจากธรรมชาติ และทำให้ผิวหน้ากลับมามีสุขภาพที่แข็งแรงเหมือนผิวเด็กอีกครั้ง ดังนั้นสินค้าที่ตอบโจทย์กลุ่มนี้ ควรเป็นผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางที่ผลิตจากสารสกัดจากธรรมชาติแท้ 100% หรือหากนำเข้าสารสกัดมาจากต่างประเทศ ก็ต้องเป็นประเทศที่ได้รับการเชื่อถือ จะสามารถเพิ่มมูลค่าของสินค้าได้มากยิ่งขึ้น โดยคนกลุ่มนี้ยินดีจ่ายเพื่อแลกกับความปลอดภัยในการใช้ผลิตภัณฑ์ ยกตัวอย่างเช่น เซรั่มโบท็อกซ์ เนื่องจากคนกลุ่มนี้อยากมีผิวที่เต่งตึง แต่ไม่ต้องการเจ็บตัวไปฉีดโบท็อกซ์เข้าสู่ร่างกายซึ่งค่อนข้างอันตรายในสายตาพวกเขา จึงยอมจ่ายแพงเพื่อใช้สินค้าเซรั่มโบท็อกซ์ที่เห็นผลจริง สำหรับเพื่อนๆ ที่สนใจผลิตเครื่องสำอาง เป็นแบรนด์ของตัวเอง สามารถติดต่อโรงงานผลิตเครื่องสำอางคุณภาพเพื่อปรึกษาการทำแบรนด์ของตัวเองได้ตลอดเวลาทำการ อาร์ แอนด์ ดี อินเตอร์ แมนูแฟคเจอริ่ง ยินดีให้บริการค่ะ