บทความแนะนำ
เปิด 5 เว็บไซต์ออกแบบโลโก้สุดปังทั้งแบบฟรี และมีค่าใช้จ่ายในปั 2023
การสร้างแบรนด์ นอกจากลงเงินแล้วยังต้องสร้างภาพลักษณ์ที่ดีให้กลายเป็นที่จดจำด้วยสินค้าที่มีคุณภาพ ใส่ใจทุกความต้องการของลูกค้าซึ่ง ”โลโก้” ถือเป็นองค์ประกอบที่สำคัญของแบรนด์เพราะแสดงออกถึงการตัวตนของแบรนด์นั้น ๆ ที่สามารถออกแบบโลโก้ ออนไลน์ ฟรีได้ง่าย ๆ ผ่านเว็บไซต์เอาใจผู้ที่เริ่มต้นอยากทำแบรนด์เป็นของตัวเองได้ง่าย ๆ
โลโก้ คืออะไร ทำไมถึงสำคัญต่อแบรนด์
เริ่มต้นกันที่คำนิยามของโลโก้ (Logo) ซึ่งเปรียบเสมือนสัญลักษณ์ หรือเครื่องหมายที่บ่งบอกถึงตัวตนของแบรนด์นั้น ๆ หรือเปรียบเทียบเป็นภาพจำ หากเห็นโลโก้แบรนด์นี้สื่อถึงอะไร โลโก้จึงเปรียบเสมือนผู้ที่ทำหน้าที่ในการสื่อสารความเป็นแบรนด์ออกไป พร้อมการบอกเล่าเรื่องราว สร้างความเชื่อมั่นและการจดจำไปตามกาลเวลา
5 เว็บออกแบบโลโก้สุดเจ๋ง
โดยหากใครที่กำลังเริ่มต้นธุรกิจ อยากมีแบรนด์เป็นของตัวเอง รู้ว่าจะขายสินค้า หรือบริการแบบใด แต่ยังไม่มีโลโก้เพื่อสื่อถึงความเป็นแบรนด์อาจจะเริ่มต้นลงมือทำโลโก้แบบง่าย ๆ ด้วยตนเองผ่าน 5 เว็บออกแบบโลโก้ฟรีและเสียตัง ดังนี้
- 1. Canva
ยืนหนึ่งของสายโซเชียลกับโปรแกรมออกแบบโลโก้คุณภาพดีจาก Canva ที่มีทั้งแบบใช้งานฟรีและเสียตัง ซึ่งภายในมาพร้อมลูกเล่นและฟังก์ชันต่าง ๆ มากมาย พร้อมงานออกแบบแบนเนอร์สำหรับสื่อโซเซียลครบทุกรูปแบบ แต่อาจมีข้อจำกัดสำหรับผู้ที่ใช้งานฟรีเนื่องจากภาพ ไอคอนและลูกเล่นฟรีมีน้อย หากอย่างคมชัด สวยงามต้องสมัครสมาชิกที่มีให้เลือกทั้งแบบรายเดือนและรายปี
- 2. Ucraft
เอาใจสายมินิมอลกับเว็บออกแบบโลโก้แบบเรียบ ๆ จาก Ucraft เหมาะสำหรับแบรนด์ที่ต้องการโลโก้แนวเรียบๆ ง่ายๆไม่หวือหวา แต่ดูทันสมัยซึ่งภายในมีไอคอน ภาพ ฟอนต์และการปรับสีที่สามารถทำได้ด้วยตัวเอง แต่อาจจะมีตัวเลือกค่อนข้างน้อย
- 3. CreativeBooster
เป็นอีกเว็บไซต์ออกแบบโลโก้ที่ดีงาม โดยฟังก์ชันข้างในนั้นมีทั้งโลโก้ เทมเพลต ฟอนต์ฟรีให้เลือกได้ตามความต้องการ ซึ่งถ้าหากอยากได้โลโก้มืออาชีพสักชิ้น CreativeBooster ค่อนข้างจะเอาอยู่
- 4. Logomaker
สำหรับมือใหม่ Logomaker ถือเป็นเว็บไต์สร้างโลโก้ที่ใช้งานง่ายสุด อีกทั้งยังมีคลิปสอนเริ่มต้นการใช้งานทุกสเต็ปทำให้คุณไม่ต้องงว่าจะเริ่มต้นอย่างไร แถมยังได้โลโก้สวย ๆ ผ่านการจับมือทำโดยมืออาชีพกันทีเดียว
- 5. Derma
ก้าวสู่ตลาด Hi-End กับ Derma ที่ให้คุณสามารถสร้างและออกแบบโลโก้เกรดพรีเมียมที่ออกแบบมาโดยเฉพาะแบรนด์นั้น ๆ ให้ไม่ซ้ำใครเพื่อการจดจำแบรนด์ให้กลายเป็นอัตลักษณ์ชัดเจนที่แม้จะไม่ฟรี แต่คุ้มค่ากับการลงทุนจ่ายไปแน่นอน
4 เทคนิคการออกแบบโลโก้ให้สวยโดนใจ
ต่อมาจะเป็น 4 เทคนิคที่อยากแนะนำในการออกแบบโลโก้สวยโดนใจ ดึงดูดภาพลักษณ์ที่ดีต่อแบรนด์
1. จดจำง่าย
คงปฏิเสธไม่ได้ว่า “โลโก้” เปรียบเสมือนจิ๊กซอร์ชิ้นสำคัญที่ปรากฎอยู่บนสินค้า ผลิตภัณฑ์ หรือบริการต่าง ๆ เพื่อสะท้อนให้เป็นภาพจำให้แก่ผู้บริโภคและยังสร้างความแตกต่างจากธุรกิจอื่น ๆ โลโก้ที่ดีจึงต้องเป็นที่จดจำ เห็นปุ๊บรู้ว่าเป็นแบรนด์อะไร ถ้ายังไม่เห็นภาพลองนึกถึง Logo Apple ก็จะช่วยสร้างภาพจำถึงผลิตภัณฑ์พวก iPhone, MacBook, Airpod ได้ทันที
2. ตัวอักษรเด่น
นอกจากภาพที่ทำให้คนจดจำได้แล้วนั้น ตัวอักษรก็มีความสำคัญโดยหลายแบรนด์ได้นำตัวอักษรเข้ามาอยู่ในโลโก้ด้วยซึ่งหากจะเลือกใช้ตัวอักษรจะต้องเลือกให้เหมาะกับอัตลักษณ์ของแบรนด์ซึ่งจะช่วยดึงดูดให้แบรนด์ดูดีและจดจำได้ง่ายขึ้นมาทันที โดยแนะนำให้ใช้ตัวอักษรฟอนต์ที่ดูไม่รกตา ตัวอักษรไม่เกิน 10 – 20 ตัวอักษร โดยควรมีการจัดขนาด ระยะห่าง น้ำหนัก สเกลของตัวอักษรให้เหมาะและพอดีกับโลโก้
3. ใช้สีเก่ง
สี มีอิทธิพลต่อความรู้สึกของผู้ที่พบเห็นทำให้การเลือกสีนั้นค่อนข้างสำคัญและสีทุกสีมีความหมายในตัวเอง การเลือกสีจึงต้องสะท้อนแบรนด์ออกมาได้ชัก เหมาะสม บ่งบอกถึงความเป็นแบรนด์และควรมีสีหลัก สีรองของแบรนด์ที่รวมกันแล้วไม่ควรเกิน 1 – 4 สี
4. เอฟเฟ็คเลิศ
ทิ้งท้ายด้วยการนำเอาเอฟเฟ็คของภาพ หรือตัวอักษรต่างๆ เข้ามาใช้ร่วมกันเพื่อเพิ่มมิติของโลโก้ให้น่าดึงดูดและดูน่าสนใจ แต่ทั้งนี้การเลือกเอฟเฟ็คก็จะต้องไม่ใส่อะไรที่มันแปลก ๆ จนเกินไป หรือที่หวือหวาเพราะจะดึงให้พลังของโลโก้นั้นลดลงทำให้ไม่น่าสนใจ
การออกแบบโลโก้มีทั้งฟรีและเสียตังซึ่งในปัจจุบันมีเว็บทําโลโก้ให้เลือกใช้งาน แต่ทั้งนี้สำหรับผู้เริ่มทำแบรนด์อาจจะลองเริ่มต้นสร้างโลโก้ ๆ ผ่านเว็บออกแบบโลโก้ ออนไลน์ ฟรีเพื่อจะช่วยให้คุณได้เห็นทิศทางและความต้องการของตัวเอง รวมถึงภาพที่อยากให้แบรนด์สื่ออกให้เป็นที่จดจำต่อผู้บริโภคก่อนจะไปว่าจ้างทีมกราฟฟิคต่าง ๆ นั่นเอง
สามารถทดลองประสิทธิภาพของผลิตภัณฑ์ได้แล้ววันนี้ ที่โรงงานผลิตเครื่องสำอาง R&D Inter
โทร 034-440-258
30 แคปชั่นขายครีมโดนๆ ไว้โพสต์ขายของปี 2023
อยากทําแบรนด์ของตัวเองต้องเริ่มยังไงให้ปัง กำไรเยอะ
เปิด 5 เว็บไซต์ออกแบบโลโก้สุดปังทั้งแบบฟรี และมีค่าใช้จ่ายในปั 2023
เปิดลิสต์รายชื่อเครื่องสําอางอันตราย พร้อมเคล็ดลับการเลือกซื้อเครื่องสำอางให้ปลอดภัย
ขมิ้นชัน (Turmeric) สุดยอดสมุนไพรหลากประโยชน์ ช่วยดูแลสุขภาพผิวได้รอบด้าน
ตำรับสมุนไพรไทยแต่โบราณนั้นมีพืชพันธุ์หลายชนิดที่ใช้ในการรักษา ซึ่ง ขมิ้นชัน เองก็เป็นหนึ่งในชื่อที่โด่งดังมาตั้งแต่อดีตกาล นี่แหละคือสมุนไพรระดับตำนานของไทยเลยทีเดียว และด้วยสรรพคุณที่หลากหลาย ทำให้ปัจจุบัน ขมิ้นชัน คือ สิ่งที่นำไปใช้กันแบบสากลทั่วโลก โดยเฉพาะการนำไปทำสารสกัดเพื่อให้ได้ สรรพคุณขมิ้นชัน แบบเต็มอัตราส่วนจากสารประกอบ “เคอร์คูมิน” มากที่สุด ในต่างประเทศ ขมิ้นชัน ชื่อวิทยาศาสตร์ จะถูกเรียกเป็นภาษาอังกฤษว่า “Turmeric” ประโยชน์ของ ขมิ้นชัน เมื่อถูกนำมาใช้เป็นส่วนผสมในเครื่องสำอาง แม้เราจะรู้รายละเอียดเบื้องต้นกันดีอยู่แล้ว ว่าสมุนไพรระดับตำนานอย่าง ขมิ้นชัน นั้นโดดเด่นในตอนเริ่มแรก คือ ด้านสรรพคุณทางยา แต่ในทางเดียวกัน สรรพคุณขมิ้นชัน บางข้อ สามารถช่วยดูแลเรื่องผิวพรรณตั้งแต่ภายในสู่ภายนอกได้ด้วย ทำให้นวัตกรรมในปัจจุบันสามารถนำข้อดีของ ประโยชน์ ขมิ้นชัน มาปรับใช้เพื่อให้กลายเป็นหนึ่งในส่วนผสมเครื่องสำอางที่ทรงคุณค่าได้ด้วย 1. ขมิ้นชัน ช่วยให้ผิวเนียน การที่ ขมิ้นชัน ได้รับการยอมรับในวงการเครื่องสำอาง เพราะส่วนสำคัญมาจากที่ฤทธิ์ทางเภสัชวิทยาชี้ให้เห็นถึง ประโยชน์ของขมิ้นชัน ที่มีส่วนช่วยในการยับยั้งเอนไซม์ไทโรซิเนส เพื่อลดการสร้างเม็ดสีเมลานิน และยังช่วยในการต้านอนุมูลอิสระได้อีกด้วย นั่นทำให้การสารสกัด หรือผงจากสมุนไพร
Vitamin B5 ประโยชน์ดี ๆ สำหรับการดูแลสุขภาพ
เมื่อพูดถึงวิตามินที่เข้ามาช่วยในการดูแลสุขภาพและมักใช้เป็นส่วนผสมของผลิตภัณฑ์เครื่องสำอาง และได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก ก็คงจะหนีไม่พ้นกับ Vitamin B5 หรือที่หลาย ๆ คนอาจจะรู้จักในชื่อของ Panthenol ที่มักใช้เป็นส่วนผสมของครีมบำรุงผิว และตัวช่วยในการลดการเกิดสิวให้กับผิวหน้านั่นเอง วันนี้ R&D INTER อยากที่จะชวนทุกคนมาทำความรู้จักกับวิตามินตัวนี้ให้มากยิ่งขึ้น และช่วยให้ผู้ประกอบการและเจ้าของแบรนด์สามารถเลือกวิตามินได้อย่างเหมาะสม ที่สุด วิตามิน B5 คืออะไร Vitamin B5 (Panthenol) คือ กรดอิสระที่สามารถละลายในน้ำได้ อยู่ในกลุ่มของวิตามินบีรวม สามารถพบได้ตามแหล่งอาหารทั่วไป และสามารถสกัดออกมาเป็นสารบริสุทธิ์ได้ สามารถดูดซึมเข้าเส้นผมและผิวหนังได้อีกด้วย และจะถูกเปลี่ยนเป็น Pantothenic acid ทันทีหลังจากที่ดูดซึมไปแล้ว อาจจะเรียกได้ว่า Pantothenic acid คือ panthenol ที่มีการเปลี่ยนสภาพเป็นวิตามิน B5 หลังจากดูดซึมเข้าไปในร่างกายนั่นเอง ซึ่งในปัจจุบันนี้ Pantothenic acid หรือ วิตามิน B5 ก็มีการรีวิวมากมาย เพราะว่านิยมในการสกัดออกมาเป็นส่วนผสมในเครื่องสำอางที่จะเข้ามาช่วยในการบำรุงผิวหน้าและผิวกาย ประโยชน์ของวิตามิน
สารสกัดจากต้นวิชฮาเซล ตัวช่วยชั้นดี ตอบโจทย์การดูแลผิว
หลายคนอาจจะเคยได้ยินหรือเคยสงสัยว่า Witch Hazel Extract คืออะไร มีข้อดีหรือข้อเสียอะไรบ้าง เพราะผลิตภัณฑ์บำรุงผิวและเส้นผมหลายประเภทนั้นก็มีการนำสารสกัดนี้ไปเป็นส่วนประกอบหลักของผลิตภัณฑ์อีกด้วย วันนี้ R&D INTER จึงอยากที่จะพาทุกคนมาทำความรู้จักกับสารสกัด Witch hazel ตัวนี้ที่จะช่วยในการปกป้องและดูแลผิวของคุณได้อย่างเต็มที่ Witch Hazel คืออะไร ช่วยอะไรในการดูแลผิว ต้นวิชฮาเซล (Witch Hazel) คือ พืชที่มีถิ่นกำเนิดจากทวีปอเมริกาเหนือ อุดมไปด้วยสารที่จะเข้ามาช่วยในการดูแลและรักษาให้ผิวแข็งแรงยิ่งขึ้น โดยเฉพาะสารต้านอนุมูลอิสระอย่าง Gallic acid และ Tannin ที่จะเข้ามาช่วยต้านอาการอักเสบของผิวได้อย่างมีประสิทธิภาพ นอกจากนี้แล้ว ต้นวิชฮาเซลยังมีส่วนช่วยในการลดการสร้างน้ำมันใต้ผิวหนังและปรับรูขุมขนให้ดียิ่งขึ้น ลดรอยแดง การระคายเคืองของผิวหนัง ช่วยฟื้นฟูผิวหลังจากเจอความร้อน แสงแดด และรังสี UV พร้อมทั้งยังช่วยในการปกป้องผิวจากมลภาวะต่าง ๆ อีกทั้งยังเพิ่มความแข็งแรงให้กับผิว สารสกัดสำคัญจากต้นวิชฮาเซล Gallic acid หรือ กรดแกลลิก เป็นกรดที่มีคุณสมบัติในการต้านอนุมูลอิสระ ต้านการเกิดแบคทีเรียที่ก่อให้เกิดโรคผิวหนังหรือสิวอักเสบ ซึ่งสารตัวนี้สามารถพบได้ในต้นวิชฮาเซล ซึ่งจะเข้ามาช่วยในการปกป้องและลดการเกิดอาการผิวและสิวอักเสบได้ Tannin
10 สารสกัดจากผลไม้ที่ทำให้ผิวขาวมีอะไรบ้าง?
แน่นอนว่าการเป็นเจ้าของผิวขาวสว่างกระจ่างใสนั้นเป็นความใฝ่ฝันของสาว ๆ ทุกคน แต่การจะเป็นเจ้าของผิวใสนั้นมีกลไกทางธรรมชาติที่เกี่ยวข้องกับเม็ดสีใต้ชั้นผิวที่ชื่อว่าเมลานินเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย เนื่องจากเม็ดสีเมลานินของแต่ละบุคคลนั้นไม่เหมือนกัน ดังนั้นจึงต้องมีการใช้สารสกัดจากผลไม้ที่ทำให้ผิวขาว เพื่อมาเป็นตัวช่วยในการดูแลผิวหน้าให้กระจ่างใส ในบทความนี้จะพามาดูกันว่าสารสกัดจากผลไม้ช่วยผิวขาวได้ยังไง และจะมีผลไม้อะไรช่วยเรื่องผิวขาวได้บ้าง หาคำตอบได้ที่นี่ สารสกัดจากผลไม้ทำให้ผิวขาวได้ยังไง Fruit Extract หรือสารสกัดจากผลไม้ทำให้ผิวขาวเนื่องจากกรดจากผลไม้นั้นมีคุณสมบัติ AHA ซึ่งเป็นสารสกัดที่ช่วยในเรื่องของความหมองคล้ำ และจุดด่างดำต่าง ๆ ช่วยปรับสภาพผิวให้กระจ่างใส ดูสุขภาพดี 10 สารสกัดจากผลไม้ช่วยเรื่องผิวขาว ในหัวข้อนี้ลองมาดูกันดีกว่าว่าผลไม้อะไรช่วยให้ผิวขาวอย่างเห็นผลได้บ้าง 1. ซีตรัส ผลไม้ตระกูลซีตรัสทั้งหลายนั้นมักจะมีส่วนผสมของวิตามินซีที่ช่วยชะลอกระบวนการสร้างเม็ดสีเมลานินจึงจัดเป็นผลไม้ช่วยผิวขาวอย่างเห็นผล นอกจากนี้ยังช่วยกระตุ้นให้ชั้นผิวผลิตคอลลาเจนมากขึ้น ผิวจึงดูเนียมนุ่มสุขภาพดีขึ้น อีกทั้งยังมีสารแอนตี้ออกซิเดนท์จึงช่วยในเรื่องของการลดริ้วรอยอีกด้วย 2. แครนเบอร์รี แครนเบอร์รีคือหนึ่งในผลไม้ที่ช่วยให้ผิวขาว โดยสารอาร์บูตินในผลของแครนเบอร์รีจะทำหน้าที่เป็นตัวกระตุ้นเซลล์ผิวให้ยับยั้งการผลิตเม็ดสีเมลานิน จึงช่วยลดความหมองคล้ำได้เป็นอย่างดี 3. โกจิเบอร์รี โกจิเบอร์รีนั้นอุดมไปด้วยสารอาหารที่ต่อต้านอนุมูลอิสระสูง อีกทั้งยังมีวิตามินซีสูงกว่าส้มถึง 500 เท่า โดยโกจิเบอร์รี่ที่สกัดมาจากผลบริสุทธิ์นั้นปลอดภัยในการใช้ผลิตเครื่องสำอางสำหรับทั้งผิวหน้าและผิวกาย 4. แอปเปิ้ลเขียว แอปเปิ้ลเขียวเป็นอีกหนึ่งผลไม้ที่อุดมไปด้วยวิตามินที่หลากหลายไม่ว่าจะเป็นวิตามินซี, บี1, บี3 และบี5 ที่ทั้งหมดนี้ล้วนแล้วแต่มีประโยชน์ต่อผิวพรรณโดยเฉพาะอย่างยิ่งเรื่องความกระจ่างใส ช่วยชะลอการเกิดริ้วรอย บำรุงผิวพรรณให้อ่อนเยาว์
สารสกัดที่ทำให้ผิวขาวคืออะไร แล้วใช้ดีจริงไหม?
ปัจจุบันเทรนด์ความงามของสาว ๆ เอเชียนั้นแน่นอนว่ายังคงเกี่ยวข้องกับเรื่องของความขาวกระจ่างใส นั่นจึงเป็นเหตุผลที่ทำให้แบรนด์ต่าง ๆ พยายามคิดค้นนวัตกรรมและเทคโนโลยีสำหรับสารที่ทำให้ผิวขาวเพื่อเป็นส่วนผสมในผลิตภัณฑ์บำรุงผิวกายและผิวหน้า รวมไปถึงผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดผิวแบบต่าง ๆ เพื่อแก้ปัญหาผิวพรรณในเรื่องของจุดด่างดำและความหมองคล้ำ ในบทความนี้จะพามาดูกันว่าสารที่ทำให้ผิวขาวนั้นจะมีคุณสมบัติอย่างไร สารที่ทำให้ผิวขาวแต่อันตรายมีอะไรบ้าง และสารสกัดผิวขาวที่ไม่อันตรายจะมีอะไรบ้าง ตามมาดูกันเลยดีกว่า สารสกัดผิวขาวคืออะไร สารสกัดที่ทำให้ผิวขาวนั้นคือสารที่มีกลไกทำให้สีผิวดูขาวกระจ่างใสขึ้น โดยจะทำหน้าที่เข้าไปยับยั้งการสร้างเม็ดสีเมลานินใต้ชั้นผิวหนังให้หยุดผลิตสี และส่งผลให้สีผิวดูสว่างขึ้นกว่าสีผิวปกติ โดยชนิดของเม็ดสีเมลานินนั้นมีทั้งหมด 3 ประเภทคือ 1. ฟีโอเมลานิน (Pheomelanin) 2. ยูเมลานิน (Eumelanin) 3. เม็ดสีแบบผสม (Mixed Melanin) สารสกัดทำให้ผิวขาวมีกี่ประเภท ในหัวข้อนี้ลองมาดูกันว่ากลุ่มสารที่ทำให้ผิวขาวนั้นมีอะไรบ้าง สารสกัดผิวขาวแบ่งออกเป็น 4 ประเภทได้แก่ 1. สารฟอกสี ปัจจุบันสารฟอกสีจัดเป็นหนึ่งในสารที่ทำให้ผิวขาวประเภทอันตราย ที่ไม่ได้รับอนุญาตให้ใช้เป็นส่วนประกอบในการผลิตเครื่องสำอางแล้ว เช่น ฟีนอล และ ปรอทแอมโมเนียม โดยสารทั้งสองนี้จะก่อให้เกิดผลข้างเคียงต่อร่างกายเป็นอย่างมาก เช่น ตับหรือไตพิการ ผิวบาง ผิวคล้ำเสียมากขึ้น เป็นต้น 2.
น้ำมัน Tea Tree Oil ส่วนผสมล้ำค่าสู่การดูแลผิวอย่างยั่งยืน
เชื่อว่าหนึ่งในความใฝ่ฝันของผู้หญิงคือการอยากเป็นเจ้าของผิวสวย เรียบเนียน และไร้สิว แต่การที่จะพาผิวไปถึงจุดนั้นอาจจะต้องอาศัยตัวช่วยจากปัจจัยภายนอก และหนึ่งในตัวช่วยที่เรียกได้ว่าเป็นเคล็ดลับสำหรับสาว ๆ ที่ผิวมีปัญหานั่นคือ “Tea Tree Oil” ส่วนผสมจากธรรมชาติที่จะช่วยแก้ปัญหาผิวได้อย่างตรงจุดและคืนความสวยใสให้ผิวได้อย่างมีประสิทธิภาพ Tea Tree Oil คืออะไร Tea Tree Oil คือน้ำมันที่ได้จากการสกัดใบของต้นทีทรี (Melaleuca Alternifolia) โดยหนึ่งในสารเด่น ๆ ที่มีส่วนช่วยในการบำรุงผิวพรรณนั่นคือ สาร Terpinen-4-ol ที่เชื่อว่าอาจมีส่วนช่วยในการยับยั้งการเจริญเติบโต และฆ่าเชื้อชนิดต่าง ๆ อาทิ เชื้อแบคทีเรีย เชื้อไวรัส หรือเชื้อรา ที่ตกค้างอยู่บนผิวได้ รวมไปถึงการลดอาการแพ้ของผิวหนัง ดังนั้นหากจะถามว่า Tea Tree Oil ช่วยอะไร อาจจะตอบแบบรวม ๆ ได้ว่า Tea Tree Oil มีสรรพคุณในการต่อต้านเชื้อโรคและต้านการอักเสบของผิวพรรณ ทำให้ในปัจจุบันนั้นสารสกัดประเภทนี้เป็นที่นิยมในอุตสาหกรรมความงาม และนำมาใช้เป็นส่วนผสมในการผลิตสำหรับผลิตภัณฑ์ประเภทการรักษาผิวหนังอักเสบ สิว